ผู้ใหญ่บ้าน Hamburg

someone in Hamburg who try to be expert in something

Archive for มกราคม 2007

ทดสอบ

leave a comment »

Written by tsvhh

มกราคม 26, 2007 at 10:19 am

เขียนใน Uncategorized

มหาวิทยาลัยนอกระบบ

with one comment

เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่การเมืองนำมาเล่นกันอย่างสนุก คนไม่รู้เรื่องแต่หาเรื่องก็พูดกันไป
ที่น่าห่วงคือคนที่ไม่รู้เรื่องแต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือไปประท้วงโดยไม่ดูข้อเท็จจริง

รศ. ดร. บุญเจริญ ศิริเนาวกุล
ผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัยการจัดการ และนวัตกรรม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

อาจารย์เป็นหนึ่งในอาจารย์ที่ผมไม่ชอบหน้า และลักษณะการทำงานของท่าน แต่นั่นเป็น
เหตุผลส่วนตัว ท่านได้เขียนบทความลงในหนังสือ อินไซด์ มจธ. ในบทบาทผู้บริหาร ซึ่ง
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการบริหารจัดการ เงิน ๆ ทอง ๆ ซะมาก ก็เลยไม่ค่อยได้อ่านเท่าไหร่
แต่ฉบับล่าสุด (ประจำวันที่ 1 – 31 มกราคม 2550) ทำให้ผมอ่านแล้วน้ำตาซึมครับ
เพราะอาจารย์เขียนได้ดี ซึ่งใครที่ยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วมหาวิทยาลัยนอกระบบมันเป็นอย่าง
ไรอ่านครับ เพราะมันสะท้อนชัดว่าถ้ามหาวิทยาลัยยังอยู่ในระบบราชการแล้วปัญหาที่จะ
เกิดขึ้นมันจะเป็นอย่างไรบ้าง ใครอยากอ่านฉบับจริงก็ไปอ่านที่ มองมหาวิทยาลัยในกำ กับจากข้อเท็จจริง โดยผมสรุปคร่าว ๆ เป็นข้อ ๆ ดังนี้ครับ

  1. เราควรจะเรียนมหาวิทยาลัยนอกระบบว่ามหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาล
  2. เรื่องค่าเล่าเรียน อาจารย์บอกว่าอย่างไรก็ต้องเก็บตามความเป็นจริง เนื่องจาก
    มหาวิทยาลัยของรัฐนั้นจะได้งบประมาณไม่เท่ากัน การที่จะเก็บค่าเทอมเท่ากันนั้น
    ดูจะไม่เป็นธรรม แต่ที่ผมชอบมากคือ 
          “สำหรับประเทศไทย ประชากรยังมีความยากจน ประเทศมีงบประมาณจำนวน
    จำกัด และหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยยังมีความต้องการงบประมาณในการพัฒนา
    ตนเองสูง มองเฉพาะในกระทรวงศึกษาธิการ จากข้อมูลของสำนักงานรับรอง
    มาตรฐานและประเมินคุณภาพการการศึกษา (สมศ.) ระบุว่า มีโรงเรียนกว่า 2 หมื่น
    โรงที่ต้องการการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน
            การเรียกร้องรัฐให้งบประมาณกับมหาวิทยาลัยมากขึ้น เพื่อค่าเล่าเรียนที่ถูก
    ลงโดยไม่คำนึงถึงฐานะของผู้เรียน จึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างระมัดระวัง และ
    ต้องเข้าใจข้อเท็จจริงอย่างถึงแก่น

    ไปคิดกันเอาเองนะครับว่าอาจารย์หมายถึงอะไร
  3. เรื่องความเป็นอิสระทางวิชาการ ท่านพูดถึงเรื่องการสร้างหน่วยงานหรือหลักสูตร
    ใหม่ ๆ แต่ไม่ทำเงินนั้น ถ้ายังใช้ระบบราชการจะทำไม่ได้ ในเรื่องนี้หน่วยงานที่
    เลี้ยงตัวเองไม่ได้ ก็โดนเสนอให้ปิดเหมือนกันนะครับ
  4. เรื่องเงินเดือน ที่อาจารย์พูดถึงอันนี้ชัดเจนครับ คือ ดร. จบใหม่นั้นเงินเดือนจะน้อย
    กว่านักการที่อยู่มานานเสียอีก นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน่วยงานราชการขาดทุน
    เพราะคนที่อยู่แล้วไม่ได้งาน ไล่ออกก็ไม่ได้ แต่เงินเดือนก็สูงขึ้น ๆ
  5. เรื่องการกลั่นแกล้ง อาจารย์บอกว่าไม่ใช่สิ่งที่บุคลากรในมหาวิทยาลัยกลัว แต่ก็
    เป็นสิ่งที่มีได้ และผมขอย้ำว่ามีจริง ๆ ครับ เพราะผู้บริหารบางคนมีอคติและไม่เปิด
    เผยผลของการประเมิน แต่เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยากด้วยเอกสาร ใครทำอะไรก็กรอก
    เอง แล้วมีคนตรวจสอบจากเอกสาร ไม่ถูกก็แย้งได้ แรก ๆ อาจจะไม่ชินแต่หลัง ๆ
    ก็ต้องกล้า ๆ หน่อย
  6. ข้อเสีย เห็นชัด ๆ ก็เรื่องเดียวครับ คือคนขี้เกียจไม่สร้างผลงานจะอยู่ไม่ได้ คนที่
    ทำงานแค่พอเพียงกับภาระงาน ก็จะได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าคนที่ทำงานได้ดี
    กว่า เท่าที่ดูจากแบบประเมินแล้วนับว่าสมเหตุสมผลครับ

แต่ผมยังเป็นข้าราชการอยู่นะ ไม่เกี่ยวกับเหตุผลอื่น มีเหตุผลเดียวคือเรื่องเงินเดือนเต็ม
ตอนที่มาอยู่เมืองนอกนี่แหละ คิดแล้วมันก็มากกว่าครึ่งหนึ่งสำหรับเงินเดือนพนักงานนะ
ไอ้เรื่องที่เขากล่าวหาเรื่องคำว่าข้าราชการกับพนักงานนั้น มันไร้สาระสิ้นดี ใครเชื่อเรื่องนี้
ก็ยอมรับเถอะว่าปัญญาอ่อน

Written by tsvhh

มกราคม 23, 2007 at 10:16 am

เขียนใน blog

และแล้ว ดนัยก็มา

leave a comment »

ดนัย ในรบชิง Indian Oil Servo ATP Challenger ที่นิวเดลี  เมื่เดืนพฤษภาคม 2546

ถ้าถามผมว่าผมเชียร์ดนัยหรือเปล่า ก็เชียร์นักกีฬาไทยทุกคนนั่นแหละ แต่คนนี้น่าเชียร์ด้วย
เหตุหลายอย่าง หนึ่งนานมาแล้วที่กีฬาเหล่านี้
ไทยมีนักกีฬาโดดเด่นอยู่แค่คนเดียว มีแล้วก็
ดังอยู่พักแล้วก็หายไป เรียกว่าไม่มีตัวคานความ
ดัง เช่น ต๋อง ภารดร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้นัก
กีฬาที่กล่าวถึงไม่มีคู่แข่ง แล้วยิ่งกรรมการคัด
เลือกนักกีฬาดีเด่น เยาวชนดีเด่น อะไรของไทย
เอะอะก็เลือกแต่คนดัง โดยไม่ได้คำนึงถึงความ
ดีเด่นในด้านอื่นประกอบ ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้นัก
กีฬาไทยมีอันดับโลกร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว

พอมาถึง ดนัย ซึ่งตอนนี้ดังเป็นอันดับสองรอง
จาก ภารดร และน่าจะแซงหน้าได้ในไม่ช้า ถ้า
สามารถสร้างผลงานได้คงเส้นคงวา ซึ่งตรงนี้ผมคาดหวังให้ภารดรกลับมาขยันฝึกซ้อม
และเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาให้ได้ เราจะได้มีนักกีฬาระดับโลกร่วมสมัยพร้อมกันหลาย
ๆ คน ซึ่งเป็นการผลักดันเด็ก ๆ รุ่นใหม่ได้ดีทีเดียว เพราะใคร ๆ ก็ทำได้ถ้าซ้อม ถ้าขยัน
และมีโอกาส ซึ่งเป็นเรื่องดีอย่างมาก

Written by tsvhh

มกราคม 17, 2007 at 10:07 am

เขียนใน Uncategorized

ความเปลี่ยนแปลง

leave a comment »

ถ้าใครสนิทกับผมก็จะรู้ว่าผมมีลักษณะแปลกที่ไม่น่าคบอยู่อย่างหนึ่งกล่าวคือ ผมจะ
มีความเชื่อว่าสิ่งที่ได้มาไม่ควรจะแบ่งปันไปง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าเราไปหา
โปรแกรมมาตัวหนึ่งและใช้มันอย่างคล่องแคล่ว และโปรแกรมตัวนั้นเป็นโปรแกรมที่
น่าจะเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และทุกคนในสาขาควรจะรู้ ด้วยความคิดอันหลังนี้เองทำ
ให้จิตใจผมคับแคบลงไปทีเดียว ดังนั้นเมื่อเพื่อนมาถามอะไรง่าย ๆ เช่นนี้ ถ้าอารมณ์ดี
ก็จะแก้ปัญหาให้ด้วยความรู้สึกหมิ่นเล็กน้อย ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็จะตอบให้ไปหาจากเว็บ
โน้นเว็บนี้ (อันนี้ไม่เกี่ยวกับความช่วยเหลือที่คุณควรจะให้เจ้าหน้าที่เฉพาะช่วยเหลือ)
สิ่งที่ผมได้ตอบแทนการคิดเช่นนั้นในช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมา ก็คืออารมณ์ที่หงุดหงิด
และเบื่อหน่ายทุกครั้งที่ต้องช่วยเหลือบุคคลอื่นในกรณีเช่นนี้ อารมณ์นี้ถ้าจำไม่ผิดน่า
จะมาจากการใช้โปรแกรมที่คนส่วนใหญ่ไม่ใช่และการทำตัวเหนือคนอื่นในบางเรื่อง

อาทิตย์ที่ผ่านมาจะด้วยอะไรก็ไม่รู้ ทัศนคตินี้เปลี่ยนไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว อาจจะเริ่มมา
จากไปตอบคำถามเพื่อนในขณะที่เศร้าหมองเต็มที่  ทำให้เรารับรู้ได้ว่าบางทีการช่วย
เหลือผู้คนเพียงเล็กน้อยก็ทำให้อารมณ์ที่เศร้าหมองเบิกบานขึ้นมาได้ หรือไม่ก็เริ่มจาก
ความขัดแย้งในความคิดเห็นในบอร์ด สนทย. ซึ่งทำให้อารมณ์ขุ่นมัวอย่างมาก จากตรง
นั้นเมื่อไปตอบคำถามเพื่อน อารมณ์ก็เบิกบานขึ้นมาได้ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันมาอันไหน
มาก่อนอันไหนมาหลัง แต่ผลที่ได้คือ จากความรู้สึกหงุดหงิดต่อการต้องตอบคำถาม
ง่าย ๆ ที่เคยนิยามว่า “มึงหาเองไม่เป็นบ้างเลยหรือไงวะ” กลายมาเป็นตอบด้วยความ
เต็มใจ ช่วยเหลือเต็มที่เท่าที่สามารถ ผลที่ได้โดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงนี้คือระยะ
เวลาที่ขุ่นมัวนั้นลดน้อยลงไป และมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อผู้คนมากขึ้น และผมก็เริ่มจะ
คุณกับผู้คนดีขึ้นเวลาถูกถามปัญหา คือกวนตีนน้อยลง

ตอนหลังผมเข้าใจแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากอะไร มันเกิดขึ้นง่าย ๆ ครับ กล่าวคือ
ทุก ๆ ครั้งที่อารมณ์ผมเปลี่ยนแปลง ผมจะพิจารณารับรู้มันตลอดในช่วงหลัง ทั้งนี้เพราะ
ต้องการรวบรวมสมาธิในการทำงาน ที่กลับมาทำได้หลังจากหยุดไปซะนานหลายปี และ
ไอ้ตัวช่วยตัวนั้นก็คือ เกมส์ Dynomite นั้นเอง เพราะเกมส์นี้ช่วยฝึกสมาธิได้อย่างดี อีก
ตัวช่วยหนึ่งที่จำได้เสมอ คือคำพูดที่ว่า โกรธก็ให้รู้ว่าโกรธ หิวก็ให้รู้ว่าหิว ง่าย ๆ แค่นี้
เอง สามสี่วันมานี้ผมให้ความช่วยเหลือเพือนมากขึ้น หงุดหงิดเพื่อนน้อยลง แต่งานก็ยัง
ไม่เดินเหมือนเดิม ก็มันไม่เกี่ยวกันน่อ

Written by tsvhh

มกราคม 15, 2007 at 6:31 pm

Michael Rotkowitz

leave a comment »

Five generation photo at Gloverfest’06 banquet, Gonville & Caius College, University of Cambridge.
With my advisor Sanjay Lall,
his advisor (my academic grandfather)
Keith Glover,
his advisor (my great-grandfather)
Jan Willems,
and his advisor (my great-great-grandfather)
Roger Brockett:

Source: Michael Rotkowitz

หนึ่งในรูปถ่ายที่ดีที่สุดที่พึงมีได้ในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง มันไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์เท่านั้น
แต่มันสะท้อนให้เห็นว่า อาจารย์ของอาจารย์ของปู่มีสัมพันธ์อันดีกับอาจารย์ของปู่และ
ยังคงมีชื่อเสียง ในขณะเดียวกันอาจารย์ของปู่ก็สืบทอดความสัมพันธ์กับอาจารย์ของ
เขามายังรุ่นลูกศิษย์ โดยที่ตัวเขาเองก็ยังคงมีชื่อเสียง …

ในขณะที่ Sanjay Lall ยังคงหาชื่อเสียงในระดับของสามคนก่อนหน้านั้นอยู่ (ระดับที่
คนส่วนใหญ่ในสาขาต้องรู้จักงานของพวกเขาเหล่านั้น) วิธีการหนึ่งก็คือสร้างลูกศิษย์
ให้รักและเคารพในตัวอาจารย์(ไม่ใช่พวกหลงอาจารย์นะ) เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ
 แต่รู้สึกว่าเขาได้สร้างลูกศิษย์ที่รักและเคารพเขาได้แล้ว

ในรูปนั้นดีในแง่ของประวัติศาสตร์และความประทับใจ เสียอย่างเดียวที่คุณ Lall แต่ง
ตัวได้ห่วยมาก(ห่วยมากจริง ๆ ) อีกอย่างที่น่าสังเกตคือชื่อเสียงกับพุงนั้นสัมพันธ์กันแน่
นอน (Keith Glover, Jan Willems และ Roger Brockett นั้นเป็นดาวค้างฟ้าไปแล้ว)
ในขณะที่เส้นผมบนหัวนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น

Written by tsvhh

มกราคม 5, 2007 at 11:57 am

เขียนใน ขำ, สังคม, blog

เป้าหมายของปี 2007

with 3 comments

ไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรในช่วงเวลาปีใหม่ที่จริง ๆ จัง ๆ ซักที ปีนี้เป็นปีที่น่าจะ
ลำบากที่สุดในชีวิต (ลำบากที่สุดเห็นจะเป็นช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยปี 3) ก็เห็น
ดีเห็นงามว่าควรจะตั้งเป้าหมายในปีใหม่กับคนอื่นเค้าบ้างก็ดี (อันนี้ได้ความคิด
มาจาก mk)

ปีนี้ต้องทำ (ใช้ความว่าต้อง-หมายถึงถ้าทำไม่ได้ก็ได้ศูนย์เน้อ)

  1. ส่ง paper ไป IFAC 2008 ที่เกาหลี
  2. โชว์ผลงานที่มีน้ำมีเนื้อกลางเดือนกุมภาพันธ์
  3. สรุป Journal paper ของเพื่อนเยอรมันที่โยธา
  4. ไปเที่ยวปารีส
  5. ทำงานวิจัยให้ได้มากกว่าอาทิตย์ละ 35 ชั่วโมง
  6. อ่านบทความภาษาอังกฤษให้มากขึ้น
  7. แบ่งเวลาให้งานวิจัย-ครอบครัว-สังคม-ส่วนตัว
  8. พายเรือหน้าร้อน
  9. ทำให้ลูกติดให้ได้
  10. เขียนบทความเกี่ยวกับ LaTeX ให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้น

จะว่าไปปีที่แล้วนับว่ามีเรื่องดี ๆ ผ่านเข้ามาไม่น้อย นับตั้งแต่ได้กลับเมืองไทย
ไปโชว์เจ้าหมาอ้วนกับญาติพี่น้อง ตอนต้นปี งานวิจัยมาคืบหน้าบ้างตอนท้ายปี
ซ่อม(เปลี่ยน)ครัวเสร็จไป 80 เปอร์เซ็นต์ มีลูกศิษย์มาทำงานวิจัยด้วยถึงสองคน
แล้วมาปิดท้ายปลายปีคือได้ไปถ่ายรูปกับนางเงือกที่เดนมาร์ก รวมทั้งจุดพลุฉลอง
ปีใหม่แบบเยอรมัน ๆ เป็นครั้งแรก

จริง ๆ อาจจะไม่ค่อยมีคนรู้ว่าผมเป็นคนเกลียดงานเทศกาลมาก ด้วยสาเหตุหลาย
อย่าง สมัยก่อนเวลามีงานเทศกาลถ้าไม่ไปอยู่กับแม่ก็ต้องนั่งเหงาดูทีวีที่บ้านคน
เดียว ชีวิตครอบครัวทำให้เรื่องตรงนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก จากคนเดียวเดี๋ยวนี้ก็เป็น
สาม ไอ้เจ้าตัวที่สามที่เข้ามาในชีวิตนี่แหละที่เป็นสีสัน ก็ไม่ว่าจะทำอะไร เที่ยวที่
ไหน มันก็สนุกอยู่ตัวเดียว เหนื่อยก็นอนก่อน หิวก็กินก่อน แถมจีบสาวเก่ง พ่อมัน
ได้แต่มองตาปริบ ๆ ด้วยความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้งานเทศกาลก็ดีมีสีสันมากขึ้น
สำหรับผม

Written by tsvhh

มกราคม 4, 2007 at 12:45 pm

เขียนใน Uncategorized

ย้ายบ้าน

leave a comment »

https://i0.wp.com/www.fujitsu-siemens.de/Resources/246/1402208732.jpgและแล้ววันคืนอันเนิ่นนานก็สิ้นสุดลง
เมื่อเครื่อง Celsius M 450 เครื่องรุ่น
ที่ดีที่สุดของสายการผลิตนี้ ราคาเกือบ
สองพันยูโร ไม่รวมจอ TFT 20 นิ้ว ส่ง
มาถึงโต๊ะทำงาน

แน่นอนครับด้วย RAM 2 GB กับ Intel
Core 2 Duo 2.6 GHz มันทำทุกอย่าง
ได้เร็วไปหมด (อาจจะเพราะลงวินโดว์ส
ใหม่ด้วย) แต่เรื่องที่ไม่พึงประสงค์ก็คือ
เรื่องการย้ายบ้านจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งนั่นเอง แค่นั้นยังไม่
พอ จอภาพ TFT ขนาดยี่สิบนิ้วก็ทำให้สายตาของผมต้องปรับสภาพเพื่อให้เคยชินกับ
สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ นี้

เอาน่า เสียเวลาติดตั้งปรับค่าเพื่อแลกกับเวลาที่จะต้องเสียไปตอนเรียกโปรแกรมมัน
ก็คุ้ม ตอนนี้ผมเปิดโปรแกรมสี่ห้าตัวพร้อมกัน แล้วเรียน MATLAB ขึ้นมาใช้งานได้
โดยไม่ต้องรอ มันเร็วมากจริง ๆ ให้ตายเถอะ

Written by tsvhh

มกราคม 3, 2007 at 3:47 pm

เขียนใน ส่วนตัว