ผู้ใหญ่บ้าน Hamburg

someone in Hamburg who try to be expert in something

Archive for พฤษภาคม 2008

คงจำโฆษณา I am Mac , I am PC ได้

leave a comment »

ไม่น่าเชื่อ Mc book air ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ขำแห่งปีไปแล้ว

Written by tsvhh

พฤษภาคม 29, 2008 at 1:02 pm

เขียนใน ขำ, blog

Firefox 3 RC1 and Google Toolbar

leave a comment »

หลังจากที่ใช้ Firefox 3 beta ควบคู่กับ Firefox 2.x มานาน ตั้งแต่ต้นอาทิตย์ก็ได้เปลี่ยนมาใช้
Firefox 3.0 RC1 เต็มตัว ด้วยเหตุผลที่มันเร็วกว่าและตัดคำภาษาไทยได้ ปัญหาเดิม ๆ ของการ
Firefox เมื่อเปลี่ยนเวอร์ชัน ก็คือโปรแกรมเสริมที่เรียกว่า Extension นั้นมักจะเข้ากันไม่ได้กับ
เวอร์ชันใหม่ (ทั้ง ๆ ที่บางทีมันก็เข้ากันได้) ด้วยความที่ต้องใช้ Google Toolbar ปรากฎว่าเข้ากัน
ไม่ได้ และป่านนี้ก็ยังไม่ออกใหม่ซักที วิธีการลง Google Toolbar ใน Firefox 3 นั้นมีอยู่ครับ แต่
ลงแล้ว Firefox ใช้ไม่ได้ ที่น่าขำคือแม้จะลง Firefox 2.x กับ Firefox 3 กันคนละโฟลเดอร์ แต่
มันดันใช้ค่าต่าง ๆ ด้วยกัน (ถ้าลงแบบปกติ) ซวยสิ

ทางแก้โดยทั่วไปก็คือ Uninstall แล้วลงใหม่ไม่ยาก แต่ขี้เกียจทำ มันมีวิธีที่ดีกว่าคือใช้ Save
mode ที่เมนู Firefox นั้นจะมีให้เลือกเข้า Firefox แบบ Save mode ให้เลือกยกเลิกการใช้งาน
Extension (ทั้งหมด! ทำไมไม่ให้เลือกรายตัววะ) แล้วก็ restart Firefox จากนั้นก็เข้าไปเรียก
ใช้งาน Extension ใหม่ทีละตัว (เราก็รู้อยู่เต็มอกว่าตัวไหนใช้ไม่ได้)

ปัญหาคือ Google ไม่ใช่ Firefox เมื่อไหร่จะตื่น

Written by tsvhh

พฤษภาคม 23, 2008 at 9:17 am

เขียนใน ขำ

Tagged with ,

เรื่องน่าพูดถึง Champions League

leave a comment »

Manchester United's European Cup-winning squad in a display at the Manchester United Museum

 

  1. รายชื่อนักเตะที่เคยอยู่ West Ham United
    Rio Ferdinand  29 ปี
    Michael Carrick 26 ปี (เห็นอนาคตรำไรว่าจะแทน Scholes ได้ทั้งทีมชาติและปีศาจแดง)
    Carlos Tevez 24 ปี
    Frank Lampard 29 ปี
    Joe Cole 26 ปี (ขวัญใจ ในทีมชาติอังกฤษ)
  2. มีนักเตะฝึกหัดของแมนยูในทีมวันนั้น
    Wes Brown 28 ปี แก่มาก ๆ จนป่านนี้เกมบุกก็ยังเล่นไม่มั่นใจ เกมรับดีขึ้นมาก ๆ ขอบอก
    Paul Scholes 33 ปี ขวัญใจ
    Ryan Giggs 34 ปี
    John O’shea 27 ปี (ดับ)
    Darren Fletcher? 24 ปี (ยังพอมีอนาคต)
  3. มีนักเตะที่ลุ้นแชมป์สองครั้งอยู่
    Claude Makelele 35 ปี (ควรย้ายไปอินเตอร์เล่น ๆ เพราะได้แชมป์มาทั้ง ฝรั่งเศส สเปน
    อังกฤษ) เคยได้กับ Real Madrid ปี 2002
    Ricardo Carvalho 30 ปี เคยได้กับ FC Porto ปี 2004
    Juliano Belletti 31 ปี เคยได้กับ Barcelona ปี 2006
    Ryan Giggs 34 ปี เคยได้กับ Man utd ปี 1999
    Paul Scholes 33 ปี เคยได้กับ Man utd ปี 1999
    Edwin van der Sar 37 ปี เคยได้กับ Ajex ปี 1995
  4. และมีนักเตะที่เข้าชิงครั้งที่สองแต่ไม่ได้ทั้งสองครั้ง
    Michael Ballack 31 ปี (ปีหน้าพอมีโอกาส)
  5. นักเตะที่กลายเป็นอีกตำนานของแมนยูฯ ไปแล้ว
    Ryan Giggs 34 ปี กลายเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแมนยูฯ ไปแล้ว
  6. ปีแรกที่ทีมจากอังกฤษชิงกันเอง และเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่มีทีมจากอังกฤษเข้าชิง และ
    สองใน 4 เป็นทีมจากอังกฤษที่ได้แชมป์
  7. ครั้งที่แล้วแมนยูฯ ได้ 3 แชมป์ ครั้งนี้ได้ 2 แชมป์
  8. ปาร์คหายไปไหน
  9. ปี 1999 ผมดีใจอยู่คนเดียวที่เมืองไทย ปีนี้ผมกระโดดกอดตัวกลมกับภรรยาเมื่อ
    John Terry ยิงลูกโทษไม่เข้า

 

Written by tsvhh

พฤษภาคม 22, 2008 at 11:40 am

เขียนใน Manutd

Tagged with ,

รักนี้ต้องข่มขืน

leave a comment »

www.teenpath.net

ผมว่าบทความนี้ตลก ถ้าเขียนว่าข่มขืนด้วยความรัก มันจะเป็นไปได้อย่างไรไม่มีทางหรอก ถ้าข่มขืนนั้นจะ
ต้องบาดเจ็บ

อย่างฉาก ข่มขืนของละครบางเรื่องกลายเป็นจุดหักเหจากที่พระเอกนางเอกไม่ชอบหน้ากัน
มีความแค้นต่อกัน ก็หันมาเริ่มใส่ใจ ห่วงใยความรู้สึกกัน สุดท้ายเมื่อพระเอกสำนึกผิด นาง
เอกอดทน เข้าอกเข้าใจ ให้โอกาสคนทำผิดพลาดแก้ตัว ทุกอย่างก็แฮปปี้เอนดิ้ง

ไอ้ย่อหน้าข้างบนนี้มันไม่จริงทั้งในแง่ของละครและชีวิตจริงครับ ถ้านางเอกไม่มีใจให้พระเอกแล้วแมวที่
ไหนจะยอมให้ข่มขืนโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย  นางเอกที่โดนข่มขืนบางคนเป็นพยาบาลนะครับ

เรื่องเอาความคิดเด็กมาอ้างแล้วสรุปผมว่ามันไร้สาระนะ เพราะละครหลังข่าวมันไม่ใครจะให้เด็กได้ดูเนื่อง
จากมันดึก อยากให้เด็กฉลาดก็ดูช่อง 11 ไป มีแต่รายการดี ๆ ให้ความรู้ เรื่องนี้ก็คือผู้ใหญ่ด่าละคร แต่ก็
ดูเพราะมันสนุก แต่ตัวเองดูก็เลยยอมให้เด็กก็ดูด้วย คราวนี้ก็เลยหาแพะ ยอมรับเถอะครับว่าสาเหตุมันไม่
ได้อยู่ที่ละคร

ที่น่าตกใจคือพวกต่อต้านการเซ็นเซอร์หนังกับออกมาสนับสนุนคนพวกนี้ว่าคิดถูก

Written by tsvhh

พฤษภาคม 21, 2008 at 10:20 am

เขียนใน ขำ, สังคม

West Germany – Luxemburg -Belgium Trip – ตอนที่ 3

with 5 comments

จากตอนที่หนึ่งซึ่งไม่มีเนื้อหาอะไร มาถึงตอนที่สองก็พาเที่ยว Düsseldorf เมืองที่ไม่มีอะไร มาถึงตอนนี้
จะเป็นตอนที่จะเล่าถึงการเดินทางหนึ่งวันสามประเทศ จากเมืองที่มีโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลกและมีผลิตภัณฑ์
ในตำนานอย่างน้ำหอม 4711 ของคนรุ่นพ่อที่คนรุ่นลูกก็ยังรู้จัก จากนั้นเราก็จะนั่งรถไฟต่อไปยังประเทศ
ที่เป็นตำนานแห่งเมาคลีล่าสัตว์ ประเทศขนาดจุ๋มจิ๋ม จากนั้นกลางดึกของคืนวันเดียวกันเราสี่ชีวิตก็พากันไป
ยังเมืองหลวงของยุโรป ประเทศที่บางคนอาจจะคิดว่ามีป้ายหลายภาษาเพื่อบริการนักท่องเที่ยว แต่ที่จริง
แล้วเป็นเรื่องของความขัดแย้งกันภายในชาติของคนที่มาจากต่างประเทศแม่ เบลเยี่ยมนั้นมาจากสอง
ประเทศคือฝรั่งเศสกับเนเธอร์แลนด์ คนสองกลุ่มนี้แม้จะอยู่ชาติเดียวกันแต่พูดกันคนละภาษาและไม่ถูกกัน
เวลาสื่อสารกันระหว่างกลุ่มพวกเขาก็จะใช้ภาษาอังกฤษกัน ไม่น่าเชื่อ!

ข้างบนคือภาพถ่าย Cologne(Köln) Dom อันเลื่องชื่อจากภายนอกหน้าต่างรถไฟ เพื่อนชาวปากีฯ
บอกว่าเขาไม่ชอบหรอกไปเที่ยวเมืองในยุโรป ทุกที่เหมือนกันหมดคือ สถานีรถไฟ โบสถ์ใหญ่แล้วก็จบ
ไม่มีอะไรมากกว่านั้น Köln(Cologne) น่าจะสะท้อนภาพของของสิ่งที่เพื่อนคนนั้นกล่าวได้เป็นอย่างดี

เราออกจาก Düsseldorf มายัง Köln โดยตั๋วรัฐราคาสามสิบกว่ายูโรสำหรับห้าคน (เรามีสามคนกับ
อีกหนึ่งตัว) พอมาถึง Köln พวกเราก็นึกขึ้นได้ว่าจงใจลืมเขียนชื่อในตั๋วและก็จงใจลืมนึกขึ้นได้อีกว่ามันยัง
เช้าอยู่ แฮะ ๆ เราก็เลยขายตั๋วต่อในราคาแค่ 25 ยูโรแก่สองหนุ่มที่กำลังจะซื้อตั๋ว (การขายต่อ เป็นเรื่อง
ปกติในเยอรมัน มีกฎหมายกำหนดเรื่องนี้เอาไว้) Köln นั้นเป็นเมืองใหญ่ เมืองแห่งแฟชัน Deutschland
superstar
ก็ประกวดกันที่นี่ และเป็นชุมทางรถไฟ ที่นี่ต้องรู้เอาไว้ว่าห้องน้ำนั้นเป็นของเอกชนดังนั้น
เบา 60 หนัก 1.10 ยูโร ส่วนผู้หญิงแท้จริงแสนลำบากเพราะราคาเดียวหมดและที่สำคัญร้านอาหารต่าง ๆ
จะไม่มีห้องน้ำบริการ(ที่ Düsseldorf แค่ห้าบาทเท่านั้น ที่หมอชิตสามบาทสะอาดด้วย มาบุญครองสอง
บาทมีฝักบัวชำระด้วย) แม้แต่ร้าน Mc

พอลงจากรถไฟได้พวกเราก็ไม่รีรอลากกระเป๋าออกจากสถานีรถไฟตรงรี่ไปยังโบสถ์และพยายามเก็บรูป
โบสถ์ให้หมดซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะตัวโบสถ์ทั้งสูงทั้งใหญ่

ดีที่สุดก็ได้แค่รูปข้างบน พอถ่ายข้างนอกเสร็จเราก็ย้ายเข้าไปหลบหนาวด้านใน บรรยากาศภายในโบสถ์
มันก็เหมือนกันทุกที่แหละ เงียบ ๆ สงบ ๆ และรูปข้างล่างคือกระจกสีที่สวยงามมากทีเดียว จริง ๆ ตาม
ทำเนียมก็คือต้องเดินวนหนึ่งรอบดูสิ่งสวยงาม แต่เจ้าหนูน้อยก็เริ่มอาการปวดอึ และเนื่องจากแซนมาบ่อย
แล้ว เมื่อหมาปวดอึเราก็จำเป็นต้องหาที่อึให้หมาก่อนเป็นการด่วน

เราย้ายฐานทัพจากร้าน Mc ในสถานีรถไฟไปยังร้าง Mc ข้างนอกด้วยเหตุผลของห้องน้ำแล้วก็ปล่อย
น้องแซนนั่งรอ (เธอเคยเที่ยวจนเบื่อแล้ว)ตัวผมกับภรรยาและเจ้านีรก็ออกตระเวณถ่ายรูปได้พักหนึ่ง
คุณภรรยาก็ไปซื้อ BergerKing เพื่อไว้เป็นเสบียงในมื้อต่อไป (มันถูกกว่า Mc ในแง่ของคุณภาพ)
ส่วนตัวผมก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหมานีรเพื่อทำภารกิจที่คงไม่มีใครในโลกใบน้อยนี้ได้ทำอีกแล้ว

เจ้าตัวน้อยในสภาพปลดปล่อย มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยที่เด็กน้อยวัยสามขวบที่ยังทำใจนั่งอึในห้องน้ำไม่ได้
แล้วต้องมายืนปล่อยใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปหน้าโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลก และที่สำคัญอุณหภูมิภายนอกขณะนี้
เฉียด ๆ ศูนย์องศาและลมแรงทุกครั้งที่สายลมผ่านมามันก็จะแทรกผ่านเข้าเสื้อกันหนาวไปทักทายผิวกาย
ของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาทุกครั้ง คงเป็นเพราะว่าอากาศหนาวน้องนีรก็เลยทำปฎิบัติการไม่สำเร็จ พอเวลา
กระชั้นเข้ามาใกล้เวลานัดผมจึงต้องอุ้มเจ้านีรวิ่งฝ่าอากาศอันหนาวเหน็บกลับไปยังจุดนัดพบ กว่าจะไป
พร้อมหน้ากันน้องแซนก็นั่งก้นไม่ติดเก้าอี้แล้ว ช่วงที่เราเริ่มออกเดินทางนั้นเริ่มสาย ผู้คนจากที่บางตาก็เพิ่ม
จำนวนขึ้นมาเป็นทวีคูณทำให้สภาพเมืองดูสับสนวุ่นวายไปหมด

จาก Köln เราก็เปลี่ยนจากรถ RE ที่สุขสบายไปเป็นรถ ICE ที่สุขสบายกว่า ตรงไปยังประเทศเล็ก ๆ ระหว่าง
การเดินทางนั้นมีทั้งฝน ทั้งหิมะ แต่โชคดีที่เรานั่งอยู่ในรถไฟเลยไม่ได้รู้สึกอะไรทิวทัศน์รอบด้านของเส้นทาง
ที่ผ่านก็เป็นอีกเรื่องที่น่าพูดถึงเพราะสวยงาม มีหุบเข้า แม่น้ำ

บ้านเรือน จนทำให้รู้สึกว่าจาก Köln ไปยัง Luxembourg นี้ไม่ได้ยาวนาน จากเมืองที่สับสนวุ่นวาย ผ่าน
บ้านเรือนที่สงบในชนบท ก็มาถึงประเทศที่มีรายได้ต่อหัวของประชากรสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก แต่
สถานีรถไฟระดับประเทศก็แสดงให้เห็นถึงความห่วยระดับประเทศ

นี่ให้ความรู้สึกทันทีว่าเราออกจากประเทศเยอรมันแล้ว ก่อนออกจากสถานีรถไฟที่ดูเหมือนยังสร้างไม่
เสร็จมาหลายปีแล้ว เราก็จองตั๋วรถไฟไปเบลเยี่ยมก่อน ที่นี่แปลกเพราะว่าตั๋วจะแยกเป็นในประเทศ
และต่างประเทศ (ในเยอรมันจะมีจุดเดียวรวมกันหมด กดจากตู้เองก็ได้ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่จะรู้ข้อมูล
ทั้งหมดเป็นอย่างดี) คนไม่เคยมาก็จะงงและที่นี่เองเราได้ประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดี เพราะเจ้าหน้าที่คนแรก
ที่เราติดต่อด้วยไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ท่าทางเหมือนคนเมาทำให้สื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่องและเรา
ก็ได้ตั๋วผิดมา (เจ้าหน้าที่ตัดสินใจออกตั๋วให้โดยที่ใช้ดุลยพินิจส่วนตัวโดยไม่ยอมสื่อสารกับผู้ซื้อและเจ้า
หน้าที่คนนี้ก็มีปัญหากับลูกค้าทุกคน) น้องแซนกับผมก็เลยต้องกลับเข้าไปเปลี่ยนตั๋ว โดยต้องลุ้นตัวเกร็ง
ว่าไม่ให้เจอคนเดิม ปรากฎว่าโชคดีที่คนใหม่เป็นมิตรมากขึ้นและทำการเปลี่ยนตั๋วให้โดยไม่มีปัญหา

หลังจากซื้อตั๋วแล้ว เราต้องเดินอ้อมออกไปอีกไกลทีเดียวเพื่อไปเก็บกระเป๋าในตู้รับฝากของ(มีทั่วไปใน
ยุโรป) และเป็นครั้งแรกที่เจอตู้รับฝากของอยู่นอกตัวสถานี ดีอย่างเดียวคือถูกกว่าที่อื่น ตอนเดินไปฝาก
กระเป๋าเจ้าน้องนีรอาสาลากกระเป๋าให้อีกห้าเมตรก็จะถึงที่ฝากกระเป๋าอยู่แล้ว ผมก็หันไปถามลูกว่า
“จะให้ช่วยไหม” (เป็นภาษาเยอรมัน) แทนที่จะได้รับคำตอบเดิมว่า “หนาย” (ไม่ ภาษาเยอรมัน) คราวนี้
น้องหมามาแปลกตอบ “หย้า” ชัดถ้อยชัดคำ ผมหัวเราะก่อนจะไปรับกระเป๋าลากมา เรื่องนี้ไม่ค่อย
เกิดกับเราบ่อยนัก เพราะน้องนีรนั้นแข็งแรงมาก ๆ เดินได้เป็นวัน ๆ ไม่มีเหนื่อย

ประเทศเล็กแห่งนี้นอกจากสถานีรถไฟที่แย่ ๆ แล้ว ก็มีแต่สิ่งสวยงามเต็มไปหมด บ้านเรือนนั้นสร้างอยู่
ในหุบเขา ช่องผา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าคนที่จะอยู่ที่นี่ได้นั้นต้องมีเงิน น้องแซนให้เคยมา ที่นี่แล้ว เธอบอก
ว่าเงินเดือนนักวิจัยหลังปริญญาเอกก็มากกว่าเงินเดือนศาสตราจารย์ในเยอรมันตั้งเยอะ

สำหรับตอนนี้ขอจบด้วยรูปบ้านเรือนของชาว Luxembourg เท่านี้ครับ พบกันใหม่คราวหน้า

Read the rest of this entry »

Written by tsvhh

พฤษภาคม 15, 2008 at 7:28 am

เขียนใน เที่ยว

Tagged with ,

สงคราม OS

leave a comment »

มานั่งนึก ๆ ดู OSX ของ mac มันต้องดีกว่า Windows อยู่แล้ว  ไม่ดีกว่าก็แปลกด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่า
OSX นั้นหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่ง Hardware แถมผู้ผลิตเป็นบริษัทเดียวกันอีก ในขณะที่ Microsoft เป็นผู้
ผลิต Windows ให้กับอีกหลายร้อยหลายพันบริษัท Hardware ถ้าเขาทำออกมาดีถือว่าสุดยอดมาก
ผมค่อนข้างเชื่อว่า windows XP ที่มากับเครื่อง IBM ที่เขามีสิทธิหลายอย่างที่บริษัทอื่นไม่มีนั้น มันจะ
ดีกว่าการลง windows XP เองในเครื่องเดียวกัน

มีเรื่องน่าขำพอ windows มันห่วยก็โทษ windows โทษ Microsoft ในขณะที่บางคนลง Ubuntu
หรือ Linux ค่ายอื่นแล้วมีปัญหากับเครื่องที่ลง พวกเขาโทษบริษัท Hardware

ที่เขียนเนี่ยไม่ได้ว่าอะไร ก็แค่จะบอกว่าอย่างเชื่ออะไรง่าย ๆ เท่านั้น

Written by tsvhh

พฤษภาคม 13, 2008 at 2:03 pm

เขียนใน ขำ, blog

Tagged with , ,

Joke of the week

leave a comment »

Grant Avram

“But I prefer the system in Italy. You play a play-off if you’re level and it is decided on that.

“I have interest now to say that. But I like it anyway. Sometimes, you score more goals against weaker teams. If you have the same points, you are at the same level.

said Grant and may be stupid part time supporters

Written by tsvhh

พฤษภาคม 12, 2008 at 11:24 am

เขียนใน ขำ, Manutd

Tagged with ,

Macbook AIR and Tablet PC

leave a comment »

เพื่อนใช้ Fujitsu Life Book (Tablet PC) มาเป็นปีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร CPU ก็เร็วปีที่ซื้อถือว่า
เร็วที่สุดแล้ว (2.0 GHz) น้ำหนักก็ไม่ถึงสองกิโลดี ใช้งานก็หลากหลาย เครื่องก็เล็ก ราคา
ก็ $1,9xxx ใช้งานแทน desktop ได้เลย (อาจจะซื้อจอมาเพิ่มเป็นจอที่สอง) แถมเขียนหน้าจอ
ได้อีกเวลาไปนำเสนอผลงาน

ในขณะที่ MBA และเครื่องแบบบางทั้งหลาย ไม่ว่าของ Levono Sony ทำอะไรได้น้อยกว่า
มาก เพราะออกแบบมาให้บาง กินไฟน้อย แต่ราคาพอกัน น้ำหนักอาจจะเบากว่ากันครึ่งกิโล
(มากเหรอ)

มีให้ซื้อกันทำไมเนี่ย ปิดท้ายด้วยวีดิโอขำ ๆ (ขำโคตร)

หมายเหตุ Tablet PC ไม่เคยเห็นวางขายในห้างในเยอรมันเลย

Written by tsvhh

พฤษภาคม 6, 2008 at 3:42 pm

เขียนใน สังคม, Evil

Macbook AIR and Tablet PC

leave a comment »

เพื่อนใช้ Fujitsu Life Book (Tablet PC) มาเป็นปีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร CPU ก็เร็วปีที่ซื้อถือว่าเร็วที่
สุดแล้ว (2.0 GHz) น้ำหนักก็ไม่ถึงสองกิโลดี ใช้งานก็หลากหลาย เครื่องก็เล็ก ราคาก็ $1,9xxx ใช้งาน
แทน desktop ได้เลย (อาจจะซื้อจอมาเพิ่มเป็นจอที่สอง) แถมเขียนหน้าจอได้อีกเวลาไปนำเสนอผล
งาน

ในขณะที่ MBA และเครื่องแบบบางทั้งหลาย ไม่ว่าของ Levono Sony ทำอะไรได้น้อยกว่ามาก เพราะ
ออกแบบมาให้บาง กินไฟน้อย แต่ราคาพอกัน น้ำหนักอาจจะเบากว่ากันครึ่งกิโล (มากเหรอ)

มีให้ซื้อกันทำไมเนี่ย จบด้วยวีดิโอขำ ๆ อันนี้ (ขำโคตร)

 

หมายเหตุ Tablet PC ไม่เคยเห็นวางขายในห้างในเยอรมันเลย

Written by tsvhh

พฤษภาคม 6, 2008 at 3:39 pm

เขียนใน สังคม, blog

Tagged with ,

ชาวบ้านคลิตี้ ชนะคดีฟ้อง ‘กรมควบคุมมลพิษ’

leave a comment »

เรื่องนี้เคยลงในหนังสือสารคดีเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นก็ได้อ่านแล้วรู้สึกว่าชาวบ้านนั้นชะตาชีวิต
มืดมนจริง ๆ

ชาวบ้านคลิตี้ ชนะคดีฟ้อง ‘กรมควบคุมมลพิษ’ ศาลปค.สั่งชดเชยรายละกว่า 3 หมื่น
ข่าวจากมติชน หนังสือพิมพ์ดีแต่บ้าโหรไปหน่อย

ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับข่าว เคยบอกไปแล้วว่าเมืองไทยอั้นความเจริญไว้ไม่อยู่แล้ว ทุกด้าน สิ่งที่
ผมติดใจ และชื่นชอบในคำตอบของเขามาก

ด้านนายยะเสอะกล่าวว่า ดีใจที่ชนะคดี แต่ไม่รู้ว่า คพ.จะอุทธรณ์หรือไม่ ไม่อยากให้
อุทธรณ์ เพราะเวลานี้ ชาวบ้านก็ยังดื่มน้ำและหาอาหารจากลำห้วยไม่ได้ ต้องซื้อน้ำ
ขวด และซื้อกับข้าวจากรถกับข้าวที่พ่อค้าจากในเมืองไปขาย เมื่อถามว่า คิดว่าค่าชด
เชยที่ได้คุ้มหรือไม่ที่ต่อสู้มา 4 ปี นายยะเสอะกล่าวว่า ‘ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว ชาวบ้านไม่ได้
กินอะไรมากมาย ตั้งใจว่าถ้า คพ.อุทธรณ์ก็จะเอาเงินทั้งหมดไปตั้งเป็นกองทุนดูแล
เรื่องสุขภาพและอาชีพชาวบ้านคลิตี้ทั้งหมด

อ่านแล้วคิดเอาเอง

Written by tsvhh

พฤษภาคม 6, 2008 at 1:33 pm

เขียนใน สังคม, blog

Tagged with