ผู้ใหญ่บ้าน Hamburg

someone in Hamburg who try to be expert in something

Posts Tagged ‘ปราก

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 6 เหนื่อยจนหลับ

with 2 comments

อ่านตอนเก่า ๆ ได้ที่

  1. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 1 เหนื่อยมากขอบอก
  2. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 2 ครึ่งวันแรก
  3. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 3 เที่ยววันแรก
  4. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 4 ปราสาทปราก
  5. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คือ – ตอนที่ 5 ปราสาทปราก 2

เอาหล่ะได้ฤกษ์เขียนต่อกันซะที ก็คงมีอีกซักสามตอนหล่ะครับ เมื่อวานหลังจากกลับเข้าที่พัก ก็ปรากฎว่ามีสองสาวน้อยชาว
สเปน (รู้ได้เพราะทักลูกชายด้วยคำว่า โอลา) แทนที่คนพ่อจะได้ไปทำเจ้าชู้ใส่เปล่าหรอก เจ้าหมานีรตรงดิ่งไปเข้าห้องสาว
โดยมิได้บอกกล่าว จีบสาวได้ซักพักก็กลับมานอน พอตื่นเช้าเท่านั้นแหละโวยวายโรงแรมแทบแตก เพราะสองสาวเจ้าออก
ไปเที่ยวแล้วตั้งแต่เจ้า เจ้าหมานีรกว่าจะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบสิบโมง กว่าจะปลอบได้เล่นเอาเหนื่อยใจ

เช้านี้อากาศไม่ค่อยดีนัก ทำให้เราสรุปจะไปเที่ยวยังที่ ๆ ไม่เปียก และที่นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ผมไม่ได้คาดหวังอะไร
กับที่นี่มากนัก เพราะว่าเคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ทั้งที่ ปารีส และ ลอนดอน มาแล้ว ดังนั้นก็ไม่คิดว่าที่นี่จะมีอะไรให้ดู
หลังจากนั่งรถรางมายัง National Museum แล้ว ก็ข้ามถนนไปโผล่ด้านเข้าเดินเข้าพิพิธภัณฑ์ เอาปรากการ์ดแลกบัตรเข้า
แล้วก็จ่าย 50 โคลนเชค สำหรับเป็นบัตรเบ่งในการถ่ายรูป ภายในห้องโถงของพิพิธภัณฑ์นั้นสวยงามาก จนคุณภรรยาไม่
อยากจะไปไหนต่อเลย

สิ่งหนึ่งที่ผมคิดตลอดเวลาก็คือประเทศนี้ทำอะไรกิน และคำตอบหนึ่งก็ชัดเจนในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ กล่าวคือประเทศนี้นั้น
เต็มไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย (คำตอบอื่น ๆ นั้นไม่รู้) ดังรูปที่ถ่ายมาให้ดู ซึ่งถ้าจะถ่ายมาให้หมดก็จะมีเป็นพัน ๆ รูป
ทีเดียว จุดนี่เองที่ปรากได้สร้างพิพิธภัณฑ์ให้มีความแตกต่างจากที่อื่น ที่นี้มีแร่ธาตุต่าง ๆ จัดโชว์ไว้เต็มชั้นทีเดียว

พอเดินออกจากห้องเหมืองแร่ ก็ให้เจ้าตัวน้อยได้ถ่ายรูปบ้างและก็ไปต่อกันที่ห้องสวนสัตว์ อันนี้กระโหลกของช้างแมมมอธ

ชั้นนี้จะมีโครงกระดูกและซากสัตว์ให้ดูเต็มไปหมด แม้แต่งูยักษ์อย่างอนาคอนดา ก็มีให้ดูด้วย

ในส่วนนี้นั้นมีโครงกระดูกของทั้งสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก รวมถึงมนุษย์ด้วย โครงกระดูกที่ใหญ่ที่สุดเห็นจะเป็น
โครงกระดูกปลาวาฬที่ใช้พื้นที่เกือบทั้งหมดของเพดานในส่วนนั้น พอมองขึ้นไปก็จะรู้สึกเหมือนอยู่ในท้องปลาวาฬจริง ๆ

นอกจากภายในที่มีสิ่งที่น่าสนใจให้ดูมากมายแล้ว วิวภายนอกก็ยังสวยไม่แพ้กัน รูปที่เห็นคือ Wenceslas square ซึ่งเป็นจุด
หนึ่งที่น่าลงไปเดินเล่น

พอดูในพิพิธภัณฑ์จนทั่วซึ่งยกเว้นไว้ในส่วนร่วมสมัย ซึ่งมีการแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวสงคราม ตรงจุดนี้พวกเราขอไม่ดูสมัครใจ
ออกมาดูด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ดีกว่า ที่ด้านนอกพิพิธภัณฑ์นั้นยังมีเรื่องราวแสดงความเกลียดชังสหภาพโซเวียดเดิมอยู่เต็ม
ไปหมด นอกจากนั้นยังมีการไว้อาลัยผู้ที่เสียชีวิตจากการเข้ายึดครองปรากของสหภาพโซเวียดอีกด้วย  โดยมีการตั้งรถถังจริง ๆ
ไว้ให้ดูต่างหน้าเลยทีเดียว

เราลงมาถ่ายรูปที่จัตุรัสได้ไม่นาน ฝนก็ตก ก็เลยย้ายไปที่ State Opera แต่ก็ต้องตากฝนกันซก ๆ เลย ดีที่เป็นฝนยุโรปคือ
ไม่หนาเม็ด ตกพอให้รำคาญ ก็เลยเดินเที่ยวรอบพิพิธภัณฑ์นั่นแหละ แล้วก็ไปไหมไม่ได้ คิดไม่ออก สุดท้ายก็กลับไปที่
Old town square โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ Prague Card ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้  จะเรียกว่าเก็บตกก็ได้

ว่าแล้วก็เริ่มที่ Church of St Nicholas ปรากฎว่าปิดเข้าไม่ได้ ก็ไปหาที่ไปต่อ ก็ไปไม่ไกลหรอกครับไปที่หอนาฬิกา
นั่นแหละ ที่นี่มีหอที่เรียกว่า Old Town Hall Tower เป็นจุดทีมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และก็มีห้องน้ำด้วย เด็กฟรี
ส่วนผู้ใหญ่ก็ 20 โคลน ใน Tower นี้แต่ละชั้นก็จะมีห้องแสดงต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้น่าสนใจอะไร เราก็
เลยขึ้นไปข้างบนเลย ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่เพราะมีลิฟท์บริการ ข้างบนก็จะมีการแสดงประวัติของบริเวณนี้ในยุคต่าง ๆ
ว่าตอนที่ไม่ถูกใครปกครองเลย เป็นอย่างไร ตอนที่ถูกนาซียึดเป็นอย่างไร ตอนนี้โดนโซเวียดยึดเป็นอย่างไร ข้างบน
ก็มีที่ให้ถ่ายรูปจัตุรัสกลางเมืองที่มองจากวิวสูงแล้วสวยมาก

การขึ้นไปข้างบน Tower นั้นจะลำบากนิดหน่อย ขึ้นไปก็จะไปเจอคนดูแลที่หน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่คนหนึ่ง ซึ่งผิดกับ
คนดูแลข้างล่างมากมาย มีอยู่จังหวะหนึ่งเจ้านีรปวดฉี่ขึ้นมากระทันหัน คนดูแลก็เดินตามประกบกลัวเราเอาลูกฉี่ข้างบน
ผมก็เลยต้องอุ้มลูกลงมาข้างล่าง เล่นเอาเหนื่อยหอบทีเดียว กว่าจะกลับขึ้นไปได้ก็หมดไปหลายนาที แต่คณยายผู้ดู
แลด้านล่างใจดีมาก บอกว่าจำหน้าได้ไม่เป็นไรเข้าไปใหม่ได้ หลังจากลงมาข้างล่างแล้ว ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว เรา
ต้องมาคำนวณเวลากันดูว่าจะไปไหนต่อ ปรึกษากันนานทีเดียวกว่าจะไปลงเอยที่ Observation Tower โดยรอบก็จะ
มีสวนสนุกที่เป็นเขาวงกตสำหรับเด็ก ทางขึ้นเขาก็จะได้ขึ้นรถกระเช้าด้วย (ผมชอบรถกระเช้ามากนะ ขึ้นทีไรก็ตื่นเต้น
ทุกที) เราไปลงที่สถานี Ujezd แล้วก็ขึ้นรถกระเช้าไปขึ้นเขา

พ่อก็ตื่นเต้นลูกก็ตื่นเต้น (จริง ๆ ก็นั่งในเยอรมันมาแล้วรอบหนึ่งที่ไฮเลแบรก) พอไปถึงข้างบนก็จะเป็นสวนสาธารณะ
เรารีบตรงรี่ไปยังเขาวงกต ปรากฎว่าปิด ไม่มีทางเลือกเลยต้องขึ้น Observation Tower ที่มีอายุกว่าร้อยปีแล้ว

ตัวหอแบ่งเป็นสองชั้น ต้องเดินขึ้นไปไม่มีลิฟท์ช่วย (เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่ายังหนุ่มยังแน่น เราเถียงว่าเรามีเด็ก เขาก็บอก
ว่าเด็กจะวิ่งนำคุณนะสิ) การเดินขึ้นไปบนหอสูงไปยังชั้นแรกค่อยข้างจะสบาย เจ้าตัวเล็กเดินนำขึ้นไปจริง ๆ พอไปถึงชั้น
แรกแล้ว ก็รู้สึกคุ้มค่าเหนื่อยจริง ๆ ครับ เพราะเราได้ถ่ายรูปปราสาทปรากในมุมสูงที่ไม่สามารถจะมองเห็นจากที่อื่นได้

เมืองหลังคาสีส้มแห่งนี้ก็สวยขึ้นมากทีเดียว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สวย เรียกว่าคุ้มค่าเหนื่อย เราตัดสินใจ (ทำใจ) ว่าจะขึ้น
จะขึ้นไปต่ออีกชั้น ซึ่งชัดถัดไปนั้นทั้งสูงทั้งเสียว เพื่อนร่วมทางก็น้อย ต้องไม่ลืมนะครับว่าหอนี้มันตั้งอยู่บนภูเขาดังนั้นมันจะ
สูงกว่าหอที่ตั้งอยู่บนพื้นราบ พอขึ้นไปได้หน่อยเดียวก็พากันลงเพราะวิวไม่ได้สวยกว่าชั้นหนึ่ง(มันไกล) อีกอย่างมันหนาว ไอ้
ขาลงเนี่ยจริง ๆ มันน่าจะสบายกว่าขาขึ้น กลายเป็นว่าเจ้าตัวเล็กเดินลงได้หน่อยเดียวก็เลิกลงซะงั้น คนเป็นพ่อจะปล่อยให้ลูก
เมื่อยก็คงใช่ที่ก็เลยต้องอุ้มจากชั้นหนึ่งลงมา กว่าจะถึงชั้นล่างก็เหนื่อยหอบ ต้องขอตัวคุณภรรยาแวะเข้าห้องน้ำเลยทีเดียว

พอพักผ่อนกันเรียบร้อยเราก็ย้อนกลับไปที่สวน นั่งพักกินอาหารเย็นที่เตรียมมาด้วยนิดหน่อย แล้วก็วางแผนเดินทางต่อ ซึ่ง
ไปได้ทางเดียวก็คือนั่งรถกระเช้ากลับไปยังสถานีเดิม ระหว่างรอรถก็ยังมีหอดูดาวให้ดูด้วยนะครับ ถ้าชอบก็ไปขอเขาดูได้ แต่
ตอนนั้นเขาปิดแล้ว

พอลงมาข้างล่างทุกอย่างก็มืดแล้ว รูปถ่ายถนนข้างบนนั้นคือถนนส่วนใหญ่ในปรากซึ่งสวยดีครับ แต่พอเดินมาก ๆ แล้วเมื่อย
เท้าดีพิลึก  ตอนนี้การเดินทางของเราในวันนี้ดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เปล่าในเมื่อคุณลูกยังหลับคุณพ่อคุณแม่ก็ยังคงต้อง
การเที่ยวต่อ จะด้วยความงกหรืออะไรก็แล้วแต่ เราจึงตรงไปยัง Charles Bridge เพื่อที่จะได้ชื่นชมความงามของสะพานใน
ยามค่ำคืน แต่เปล่าแทนที่จะไปแค่สะพาน พวกเรายังไปขึ้น Old Town Bridge Tower กันอีก ดีที่ไม่สูงมาก

ไอ้ Tower แห่งนี้ มองจากข้างล่างก็สวยดีนะครับ แต่พอขึ้นไปขางบนก็ทั้งเล็กทั้งแคบและมืดมิด ยังดีที่ได้รูปถ่ายสวย ๆ ติดไม้
ติดมือกลับมาบ้าง พอลงจาก Tower พวกเราก็เดินเล่นกันต่อที่สะพาน ตัวสะพานยามนี้สวยงามมาก โดยเฉพาะแสงไฟและ
สายลมยามย่ำค่ำเคล้ากับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมจากศิลปินข้างถนนที่หาเลี้ยงชีวิตด้วยเศษเงินจากผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาบน
สะพาน ทำให้การเดินผ่านสะพานรอบนี้ของเรานั้นสดชื่นมีชีวิตชีวาลืมความเหน็ดเหนื่อยที่พึ่งผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อสิ้นสุดที่
ปลายสะพานอีกด้านหนึ่ง เราก็มีแรงที่จะกลับที่พักต่อไป อย่างไรก็ตามเราก็ยังพาความเหนื่อยหล้าไปเยี่ยมน้องชายอีกครั้ง

พอถึงโรงแรมน้องชาย เจ้าตัวเล็กก็ขอตัวนอนด้วยเวลาเพียงสามทุ่มเท่านั้น ตอนที่เจ้าตัวน้อยหลับใหม่ ๆ เรายังกลัวว่าเดี๋ยวก็ตื่น
ปรากฎว่าหลับยาวไปถึงเช้าเลย และนั้นก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าวันนี้เหนื่อยจริง ๆ ยังไม่จบนะครับ พรุ่งนี้เที่ยวต่อ

อ่านตอนถัดไปได้ที่
เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 7 เที่ยวเก็บตก

Written by tsvhh

ธันวาคม 20, 2008 at 10:08 pm

เขียนใน เที่ยว

Tagged with ,

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 5 ปราสาทปราก 2

with 2 comments

อ่านตอนเก่า ๆ ได้ที่

  1. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 1 เหนื่อยมากขอบอก
  2. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 2 ครึ่งวันแรก
  3. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 3 เที่ยววันแรก
  4. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 4 ปราสาทปราก

ช่วงนี่ยุ่ง ๆ อยู่กับการจัดการเว็บใหม่ กำลังเห่อ Web host ฟรีข้าง ๆ เล่นได้เยอะแถมไม่เคยล่ม

มาเข้าเรื่องกันต่อ

จุดชมวิวด้านหลังปราสาท


สิ่งที่น่าสังเกตคือเืมืองหลวงของหลาย ๆ ประเทศที่เจริญแล้วที่มีแม่น้ำคั่นกลางนั้นจะมีสะพานเยอะมาก

เรายังเดินวน ๆ กันอยู่ในบริเวณของปราสาทปรากเพื่อใช้ปรากการ์ดให้คุ้มที่สุด จุดต่อไปที่จะ
เข้าชมก็คือ Poder Tower ซึ่งเป็นป้อมสำหรับทำดินปืน พอดีช่วงนี้มีการจัดนิทรรศการณ์
เกี่ยวกับหมวกของทหารในยุคต่าง ๆ เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ เพราะได้ดูหมวกของ
ทหารในยุคดัง ๆ หลายอัน และผู้ดูแลก็ยิ้มแย้มผิดกับที่อื่น ๆ คุณย่าคุณยายที่ป้อมนี้ดูจะชอบ
เด็ก หยอกล้อเจ้านีรตลอด  ทำให้การเดินดูในป้อมที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูแต่ก็น่าดูกว่าที่อื่น
เป็นไหน ๆ ภายในจะมีอาวุธในสมัยต่าง ๆ ให้ดู

รูปหมวกข้างล่างเข้าใจว่าเป็นหมวกของคนสำคัญ จำไม่ได้แล้วว่าของใคร เพราะไม่รู้จัก

นอกจากหมวกที่สวยที่สุดข้างบนแล้วก็มีหมวกในยุคสมัยต่าง ๆ วางจัดโชว์ในตู้พร้อมทั้งมี
ป้ายบอกว่าเป็นของใคร ในนี้จะถ่ายรูปต้องโชว์บัตรเบ่งนะครับ
ผู้เขียนช่วงที่ไปเที่ยวปรากนั้น เหนื่อยนะครับบางครั้งเจ้าตัวน้อยก็หมดแรงเอาซะดื้อ ๆ
มองจากด้านหลัง ผู้ชายวัย 36 ปี อย่างผมหัวยังดำหมด แต่เริ่มมีร่องรอยแห่งอนาคต
ที่ใสสะอาดบ้างแล้ว

พอออกจากป้อมมา พวกเราก็เดินวนกลับมาที่โบสถ์ และเป็นดังที่คาดการณ์ไว้คือคนที่เคย
ต่อคิวยาวเป็นสิบเมตร ตอนนี้ก็ไม่เหลือ เดินเข้าไปได้สบาย แถมถ่ายรูปได้โดยที่คนไม่แน่น
ภายในโบสถ์นั้นถ้าอยู่แต่ข้างในก็จะไม่รู้หรอกว่าเป็นของประเทศไหน ก็มันเหมือน ๆ กันไป
หมด ความสวยงามก็อาจจะไม่ต่างกันด้วย สิ่งที่ต่างน่าจะเป็นเรื่องเล่า ส่วนอันนี้มันดังเพราะ
มันอยู่ในบริเวณปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง

เข้าไปในโบสถ์ สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือถ่ายรูปกระจกสี งวดนี้ไม่ค่อยได้จงใจถ่ายเท่าไหร่
เพราะเยอะไปหมด แต่ละอันก็มีเรื่องราวแตกต่างกันออกไป

ของสวยงานในมุมหนึ่งของโบสถ์

ตอนนี้รูปเยอะบรรยายน้อย เพราะว่าช่วงเที่ยวเดินกับเดินเหนื่อยนะครับ ตอนช่วงเช้าเรา
ไม่ได้ถ่ายรูปโบสถ์ด้านข้างมากนัก เพราะแดดแรงถ่ายไปก็ไม่เห็นอะไร (หน้าคน) ตอนนี้
เราก็เลยย้อยกลับมาถ่ายรูปโบสถ์ด้านนอกอีกครั้ง คราวนี้สบายเพราะแดดไปหมดแล้ว

คราวนี้ก็เลยถ่ายสบาย แต่ด้วยความจำกัดของกล้องและฝีมือก็เลยได้ภาพเท่าที่เห็นเนี่ยแหละ
ช่วงนี้น้องนีรเริ่มเบื่อและเหนื่อย ทำให้ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่นัก ที่ตรงทางออกมีร้าน
ขายของที่ระลึกตอนแรกก็เข้าไปเลือกดูกันสามคน ตอนหลังผมต้องเอาเจ้านีรออกมา เพราะ
พอพลังหมดการควบคุมอารมณ์ก็ลดลงเริ่มสนใจของที่แตกหรือเสียหายได้ ทำให้ปลอดภัย
ไว้ก่อนดีกว่า

ผมพาเจ้านีรออกมาด้านนอกซึ่งก็ยังพอมีอะไรให้ดูบ้าง รูปข้างบนนี้ดูไปก็ธรรมดานะครับ
แต่จริง ๆ แล้วด้านหลังเป็นสระน้ำและจุดที่เจ้านีรนั่งก็สูงจากพื้นราว ๆ เมตรครึ่ง ผมจับ
เจ้านีรนั่งแล้วก็รีบวิ่งลงไปถ่าย แล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปอุ้มเ้จ้านีรลงมา  จากนั้นเราสองพ่อลูก
ก็หลบไปนั่งอีกด้านของตึก ผมนั่งชมวิวด้วยความตื่นเต้น เพราะยามบ่ายอย่างนี้จะมีสาว
กระโปรงบางมาเดินให้ลมตีกระโปรงเล่น สาวผิวขาวขนสีทองใส่ชุดขาวเวลาเดินผ่านแสง
แดดอ่อนแล้วน่ามองยิ่งนัก จะว่าไปสามเช็คนั้นสวยและหุ่นดีกว่าสาวเยอรมันเยอะทีเดียว
การแต่งกายก็ดูดีกว่า ตรงนี้เราใช้เวลานั่งพัก และทำกิจกรรมพ่อลูก

นั่นคือนั่งเล่น UNO กัน รูปข้างบนนี้แสดงให้เห็นนะครับว่ามือเล็ก ๆ ของเ้จ้านีรสามารถถือ
การ์ดเจ็ดแปดใบในคราเดียวได้อย่างไร เล่นไปได้สองสามเกมเจ้าคนเป็นพ่อก็ชักหิว นึก
ขึ้นได้ว่าคนเป็นแม่เตรียมอะไรมาให้กินเยอะแยะ ว่าแล้วก็จัดแจงเอาแอปเปิลออกมาแบ่ง
กันกินกันลูก

เวลากินแอปเปิลเนี่ย ถ้าไม่มีมีดผมจะต้องขบแอปเปิดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อน ไม่งั้น
เจ้าตัวน้อยก็กินเองไม่ได้ (แอปเปิลเนื้อกรอบขบออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้) กว่าเจ้าตัวน้อย
จะกินได้ครบหนึ่งลูก คนเป็นพ่อซัดไปสองแล้ว ในขณะที่พ่อลูกกำลังสนุกสนานกับการ
กินผู้เป็นแม่ก็เดินมาพร้อมกับโปสการ์ดสามสี่ใบ เรานั่งพักกันได้ซักพัก พ่อเจ้าตัวน้อย
อิ่มมีแรง ก็เดินทางกันต่อไป

ช่วงบ่ายแก่ ๆ หน้าร้อนที่ปรากนี้ แดดอยู่ในระดับสายตาพอดี เป็นทหารยามก็ต้องใช้
วิธีนี้ ไม่งั้นก็ยืนอยู่ไม่ได้เป็นแน่

ด้านนี้ของปราสาทนั้นดูสวยกว่าด้านอื่น เพราะมีโบสถ์เซนต์นิโคลัสตั้งเด่นยอดเป็นสีเขียว
อยู่ ซึ่งมันจะตัดกับหลังคาสีน้ำตาลส้มทำให้ดูสวยงามมากทีเดียว

พอถึงตรงนี้ ก็ได้เวลาลงจากปราสาท เราเลือกเดินลงอีกทางและตัดการเดินเที่ยวสวนในปราสาท
ทิ้งไป เพราะไม่มีแรงเดินมาก แวะพักกินของกินที่เตรียมมาอีกรอบจนอิ่มแล้วก็เดินทางลงไป
ด้านล่าง


ทางเดินขากลับเป็นทางชัน แต่เป็นทางลงก็ไม่่เหนื่อย แต่ถึงอย่างไรเจ้าตัวเล็กก็ไม่
มีแรงอยู่ดี เราต้องผลัดกันอุ้มไปตลอดทาง (รถเข็นเข็นไปสลับกับอุ้มรถเข็นไป) ลงด้านนี้
ก็จะเห็นร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นร้านอาหารนั่นแหละ พื้นที่นี่ไม่เรียบเวลาเดินต้อง
ใช้พลังฝ่าเท้าเยอะ ตอนนี้ผมก็เริ่มปวดเท้าบ้างแล้ว ดีที่เอารองเท้าคู่ดีมา ไม่งั้นก็แย่
จุดเด่นของเส้นทางนี้เห็นจะไม่มีอะไรเิกินเจ้านี่


ซึ่งดูอย่างไรก็คล้ายคนนะครับ จะบอกว่าผีก็ใช่ ภรรยาเดินเห็นตอนไกล ๆ ก็ตกใจ เดินเข้า
ไปใกล้เห็นอีกก็อดตกใจไม่ได้ เจ้าตัวน้อยก็สนุกไปด้วย ด้านหลังของเจ้าผีัตัวนี้คือร้านเหล้า
นอกจากใช้เรียกคนให้หยุดเพื่อดูร้านได้แล้ว ก็ยังได้เงินบริจาคด้วย เข้าใจคิดดีทีเดียว ไม่
ต้องเหนื่อยเล่นดนตรีหรือนั่งหน้าห้องน้ำก็ได้เงินเยอะ ๆ ในถาดนั่นไม่ใช่น้อยนะครับ จะแวะ
เก็บบ้างในใจผมก็กลัวอยู่เหมือนกันเผื่อเจ้าของร้านนึกสนุกสวมร่างทำให้มันขยับได้ก็จะ
นอนไม่สนุกเลยคืนนั้น เราลงมาแล้วแผนต่อมาก็ตรงไปที่โบสถ์เซนต์นิโคลัสไอ้ยอดสีเขียว
นั่นแหละ แต่ดันปิดแล้วก็หาจุดพักอีก ช่วงนี้เดินไม่นานก็ต้องพักนะครับ ทั้งเหนื่อยและเจ็บ
เท้า

จุดที่น่าสนใจก็มีที่จอดรถที่ทำเป็นหน้าคน ตอนแรกนึกว่ามันเหมือนกันหมด พอดูดี ๆ
แต่ละเสาก็จะมีความแตกต่างกัน ช่างคิดดีทีเดียว

โบสถ์เซนต์นิโคลัสที่ดูข้างล่างก็ไม่ได้สวยอะไร

พอหมดจากตรงนี้ ก็ต้องกลับโรงแรม และเส้นทางที่เราเลือกก็กลับไปยังสะพานชื่อดัง
อีกครั้ง แวะถ่ายรูปบ้างเล็กน้อยแล้วก็ต้องกลับที่พัก วันนี้เล่นเอาเหนื่อยทีเดียว พอกลับ
ถึงที่พักก็มีสาวสเปนมาร่วมชั้นด้วยสองคน น้องนีรก็ไปจีบตามระเบียบ

ตอนหน้าเป็นการเที่ยววันที่สาม ซึ่งเป็นวันที่เหนื่อยที่สุดไม่รู้ว่าเที่ยวได้อย่างไร จะรีบเขียน
ให้เร็วที่สุดก่อนผมจะต้องไปเม็กซิโกครับ

อ่านตอนต่อไปได้ที่

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 6 เหนื่อยจนหลับ

Written by tsvhh

พฤศจิกายน 12, 2008 at 10:18 am

เขียนใน เที่ยว

Tagged with ,

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 4 ปราสาทปราก

with 2 comments

อ่านตอนเก่า ๆ ได้ที่

  1. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 1 เหนื่อยมากขอบอก
  2. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 2 ครึ่งวันแรก
  3. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 3 เที่ยววันแรก

หลังจากที่วันแรกชิมลางเดินเที่ยวเดินเล่นกันในเขต Old town square ของปรากเพื่อซึมซับ
บรรยากาศไปพอหอมปากหอมคอแล้ว แม่บ้านตื่นแต่เช้ามาจัดเตรียมข้าวของและอาหาร
ผมตื่นตามมาทีหลังไม่นานนัก แล้วช่วยภรรยาทำอะำไรก๊อก ๆ แก๊ก ตามแต่ที่จะทำได้โดยไม่
ขัดหูขัดตา เจ้าตัวน้อยยังหลับสนิทตามภาษาของเด็กตื่นสาย พฤฒิกรรมของเจ้าตัวน้อยนั้น
เรียกได้ว่าไม่หมดแรงไม่นอน และถ้าไม่ปลุกก็ยากที่จะลุก เนื่องจากพวกเราเลี้ยงลูกเองตลอด
ทำให้เข้าใจได้ว่า ถ้าเจ้านีรนอนไม่เต็มอิ่มหล่ะก็ การเที่ยวหฤโหดในวันนี้คงไม่ผ่าน คนมีลูกทุก
คนคงจะรู้ว่าเด็กนอนไม่เต็มอิ่มนั้นจัดการยากที่สุด

ภรรยาเป็นคนเตรียมของกินของใช้ ในขณะที่พ่อต้องรับผิดชอบเรื่องสิ่งของมีค่าทั้งหลาย เป็น
การแบ่งหน้าที่ที่ไ้ด้ทำกันมาหลายครั้งแล้ว โปรแกรมหลัก ๆ ของเราวันนี้ก็คือเที่ยวปราสาทปราก
ปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากที่พักเราไปก็ไม่ยากนั่งรถรางไปลงหน้าห้าง Tessco
แล้วต่อรถรางสาย 22 ขึ้นปราสาท การขึ้นรถรางนั้นจะต้องดูป้ายก่อนว่าเราขึ้นฝั่งถูกหรือเปล่า
หลัก ๆ ก็คือคุณควรจะมีแผนที่รถราง แล้วดูสุดสายไว้เทียบกับป้ายรถรางว่าไปทางเดียวกันกับ
เราหรือเปล่า ถ้านั่งผิดก็ไม่ต้องตกใจ ลงแล้วขึ้นใหม่ได้ เพราะรถรางที่นี่มีค่อนข้างถี่  พวกเรานั้น
ชำนาญการนั่งรถรางพอสมควรเพราะนั่งมาหลายเมืองหลายประเทศแล้ว การมีรถเข็นของเจ้า
ตัวน้อยจึงไม่มีปัญหาเท่าไหร่นัก แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน

รถรางพาพวกเราขึ้นเขาไปผ่านป่าซึ่งเป็นวิวสองข้างทาง ไปยังที่ตั้งของปราสาท จากป้ายที่เรา
ลงนั้นก็จะต้องข้ามถนนเดินไปอีกสองสามร้อยเมตรก็จะถึงหน้าประตูปราสาท อากาศค่อนข้างดี
การเดินร้อยสองร้อยเมตรจึงไม่มีปัญหา

ก็เหมือนกับพระราชวังทั่วไปที่จะต้องมีทหารยืนไว้ให้แขกที่มาเยี่ยมเยียนถ่ายรูป  สิ่งที่ผู้คน
ชอบมากก็คือรอดูทหารเปลี่ยนเวร แต่เราไม่ได้ดูเพราะดูจนเบื่อหลายที่แล้ว อย่างไรก็ตาม
ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย

เมื่อเข้าด้านในชั้นนอกก็จะเห็นยอดโบถส์สีดำทะมึนตั้งโชว์ยอดอยู่ตรงหน้า โบถส์นี้แหละ
ที่เป็นสิ่งที่มองเห็นชัดที่สุดของบริเวณปราสาทจากระยะไกล  เนื่องจากเรามาถึงปราสาทปราก
ค่อนข้างสาย ทางเข้าโบสถ์จึงเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่อคิวเพื่อเข้าไปชมความงามของโบสถ์ ซึ่ง
ตัวโบสถ์มันเข้าฟรี คนจึงเยอะเป็นพิเศษ พวกเราเลยตัดสินใจยังไม่เข้า แค่ดูเวลาปิดไว้แล้ว
เดี๋ยวกลับมาใหม่

โบสถ์ด้านนอกซึ่งเหมือนกันทั่วยุโรป เราเดิมชมรอบ ๆ ตัวโบสถ์ก่อน โดยพยายามดูให้รอบ ๆ
จะได้ไม่ต้องดูซ้ำสอง

รูปปั้นที่ดูน่ากลัวรอบ ๆ โบสถ์

และแน่นอนตามธรรมเนียมไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องมีบางส่วนปิดซ่อม ใครโชคดีก็เจอส่วนที่
ไม่สำคัญซ่อมอยู่ ใครโชคร้ายก็เจอส่วนไม่สำคัญ เที่ยวนี้เราก็เจอบางส่วนปิดซ่อมเหมือนกัน

เนื่องจากเรามี Prague Card เราจึงวางแผนเที่ยวให้หมด ผมซื้อสติกเกอร์สำหรับถ่ายรูป
ราคาสองยูโรไว้ติดตัวด้วย เผื่อเอาไว้เวลามีเจ้าหน้าที่มาเตือนจะได้โชว์ ภายในปราสาท
ปรากนั้นไ่ม่น่าดูเท่าไหร่นัก อยู่ในสภาพที่กำลังปรับปรุง จุดที่ผู้คนให้ความสนใจมากกว่า
ก็เห็นจะเป็นจุดชมวิว ซึ่งสามารถมองทิวทัศน์ของปรากได้ในมุมกว้างเห็นหลังคาสีส้มได้
ทั่ว

สำหรับช่วงแรกของการเที่ยวปราสาทปรากนั้น ผมไม่ค่อยจะประทับใจเท่าไหร่ เพราะ
ไม่ค่อยมีอะไรให้ดู

เอาเป็นว่าดูรูปไปพลาง ๆ จุดต่อไปที่เราจะไปเที่ยวกันนั้น ยังอยู่ในปราสาทปราก
แต่เป็นส่วนที่ผมชอบมาก ๆ นอกจากมีเรื่องราวมากมายยังมีสิ่งของให้ดูเยอะแยะ
ไปหมด นั่นคือส่วนของบ้านศิลปิน หรือที่เรียกว่า Golden Lane นั่นเอง

Golden Lane นั้นชื่อที่คนไทยรู้จักก็คือบ้านศิลปิน ภาพแรกเห็นของตรอกเล็ก ๆ แห่ง
นี้ก็คือตึกแถวหลังเล็ก ที่มีสินค้าหลากหลายไว้บริการแขกผู้มาเยือน ซึ่งเด่นที่สุดเห็นจะ
เป็นร้านที่ขายชุดนักรบโบราณ เพราะว่าพอเข้าตรอกบ้านศิลปินมาก็จะเจอชุดเกราะนัก
รบโบราณชี้ชวนให้ขึ้นไปดูข้างบน

คนขึ้นไปไม่เยอะมากหรอกครับ คงไม่กล้าขึ้น เพราะทางเดินทั้งแคบและมืด
ถ้าวัดขนาดของชุดเกราะ คนสมัยก่อนก็ไม่ได้ตัวเล็กอะไรแต่บ้านนั้นจะเล็ก ๆ
แคบ ๆ พอขึ้นไปด้านบนก็จะพบตู้โชว์ชุดเกราะ อาวุธ ต่าง ๆ ของนักรบโบราณ
เต็มไปหมด

ส่วนของโล่ห์

ที่ทรมานนักโทษ

ชุดเกราะเด็ก ชั้นสามในส่วนขายชุดเกราะที่ระลึก (ใครจะซื้อ)

ตู้โชว์ชุดนักรบโบราณ ที่มีป้ายบอกยุคสมัยและบอกด้วยว่าเป็นของใคร (น่าจะทำขึ้นใหม่)

จะเห็นว่าคนไม่เยอะ

ดูป้ายกันชัด ๆ

ในชั้นบนนี้ชุดที่เป็นจุดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นชุดเกราะของกษัตริย์
ซึ่งป้องกันการสูญพันธ์กันเลยทีเดียว

พอเดินเที่ยวส่วนชุดเกราะได้สักพัก เจ้าตัวน้อยก็ทำเรื่องอีกแล้ว คือปวดฉี่ขึ้นมา
ตอนนั้นอยู่ชั้นสอง ต้องอุ้มวิ่งลงมาข้างล่าง หาห้องน้ำไม่เจอ ทำไงได้ก็วิ่งไปฉี่
หลังตึก(ปราสาท) ค่อนข้างโล่งใจที่เจ้าตัวน้อยฉี่ตรงนี้ เพราะบริเวณหลังกำแพงนี้
ไม่บอกก็รู้ว่านอกจากเป็นหลังเขาแล้วยังเป็นส้วมสาธารณะของแขกผู้มาเยือน
อีกด้วย รู้ได้ด้วยกลิ่น

พอกลับมาที่ตรอกเราก็ไปดูร้านทำเครื่องแก้ว ร้านนาฬิกา และจุดที่สำคัญที่สุดที่
ผู้คนมักจะไม่รู้ ก็คือบ้านเลขที่ 22 สีฟ้าใส บ้านที่ทำให้ถนนแห่งนี้มีชื่อว่า ตรอก
ทองคำ ถ้าสังเกตดี ๆ บ้านนี้จะมีป้ายชื่อเจ้าของบ้านด้วย คือบ้านของ
Franz Kafka
นักเขียนชื่อดังมาก ๆ และได้มานั่งทำงานในบ้านหลังนี้ ผู้คนตา
น้ำข้าวมากมายพอเจอบ้านหลังนี้ก็ตรงรี่เข้าไปถ่ายรูปทีเดียว ในขณะที่คนเอเชีย
ให้ความสนใจกับบ้านหลัง ๆ เล็ก หน้าตาแปลก ๆ มากกว่า ที่ตรอกแห่งนี้ยังเป็นที่
อยู่ของนักเขียนโคลงกลอนรางวัลโนเบลอีกคนนึ่งคือ Jaroslav Seifert ด้วย

พอจบจากบ้านศิลปินแล้ว เราก็เดินวนไปเที่ยวด้านหลังปราสาทเจอคนไทย
หลายคนที่มาประชุมวิชาการที่นี่ (มีอาจารย์หมอมาประชุมที่นี่ร่วมสองร้อยคน) ก็
โชคดีเหมือนกันที่ได้เจอกับกลุ่มของน้องชาย แล้วเราก็ย้อนกลับไปยังโบสถ์ที่เรา
เดินผ่านมาตอนแรก การเที่ยวปราสาทปรากครึ่งแรกก็จบลงเท่านี้

อ่านตอนต่อไปได้ที่

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 5 ปราสาทปราก 2

Written by tsvhh

ตุลาคม 25, 2008 at 11:16 pm

เขียนใน เที่ยว

Tagged with ,

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 3 เที่ยววันแรก

with 3 comments

อ่านตอนเก่า ๆ ได้ที่

  1. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 1 เหนื่อยมากขอบอก
  2. เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 2 ครึ่งวันแรก

หลังจากที่เราพักผ่อนและเปลี่ยนอิริยาบทจากการนั่งรถไฟอันยาวนานแล้ว เราก็เริ่มวางแผนว่าจะเที่ยว
อย่างไรให้ไม่ต้องกลับมาอีก และเพื่อหลีกเลี่ยงคำถามที่จะมีคนมาถามว่าได้ไปนั่นมาหรือเปล่า ได้ไป
นี่มาหรือเปล่า ทำให้ 5 วันกลายเป็นวันที่ทั้งประทับใจ ทั้งเหนื่อย ที่น่าแปลกใจคือวันที่สองเจ้าตัวน้อย
ถึงกับสลบไปตั้งแต่หัวค่ำและนอนยาวไปถึงเช้า เท่าที่รู้น้อยครั้งมากที่เจ้านีรจะเป็นอย่างนั้น

จากโรงแรมที่เราพักนั้นเดินลงเขามานิดเดียวก็ถึงป้ายรถรางที่เป็นชุมทาง คือมีรถรางสามสี่สายวิ่งผ่าน
จากตรงนี้จุดแรกที่เราจะไปคือโรงแรมที่น้องชายของภรรยาพัก ไปไม่เจอก็เลยฝากข้อความไว้กับ
เจ้าหน้าที่ แล้วเราก็มุ่งหน้าเข้าเมืองโดยมีเป้าหมายว่าเดินเล่นรอบ ๆ ไม่เที่ยวเจาะที่ได้ที่หนึ่ง

จุดแรกที่ไปนั้นเป็นสถานีรถรางใหญ่แล้วเราก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะไปเจอสถานที่ข้างบน ด้านขวา
มือเป็นโรงโอเปร่าที่สวยงามที่ชื่อ Municipal House ที่ดูใหม่และขัดแย้งกับด้านซ้ายมืออย่างยิ่ง ซึ่งด้าน
ซ้ายคือpowder gate tower สีดำเมี่ยมเลย (แสดงว่าเก่ามาก) จริง ๆ เรามีโปรแกรมจะขึ้นไปข้างบนด้วย
แต่ไม่ได้ขึ้น เข้าโรงโอเปร่าก็ไม่ได้เข้าเพราะเกรงว่าเจ้าตัวน้อยจะไปรบกวนคนอื่น อีกอย่างไม่มีเงินและ
แต่งกายไม่เหมาะสมในการเข้าชมด้วย  จุดนี้ผู้คนพลุกพล่านมากและวันแรกเจ้าตัวน้อยก็ทำเรื่องที่น้อย
คนนักจะได้ทำอีกแล้ว คือการยืนฉี่ข้างตู้โทรศัพท์ตรงข้าม Municipal House นั่นและ บ้านเราเวลาสุด
ปัญญาจริง ๆ ก็จะท่องคาถาว่า “หมายังเี่ยี่ยวได้ ทำไมเด็กจะฉี่ไม่ได้” จริง ๆ เจ้าตัวน้อยหลังจากที่ปฏิเสธ
ผ้าอ้อมสำเร็จรูปท่านก็สร้างวีรกรรมไว้หลายครั้ง ที่ปรากนี่ก็นับไม่ถ้วน

พอเดินทะลุตัวป้อมเข้ามาก็จะเห็นฉากหลังของ powder gate ซึ่งสวยงามมากทีเดียว ประกอบกับวันแรก
ฟ้าสวย ถึงแม้กล้องจะไม่ดีก็ัยังพอได้ภาพสวย ๆ (รูปแต่งนิดหน่อย)

เดินชมนกชมตึกไปเรื่อยคุณก็จะมาถึงจุดที่เรียกว่า Old town square ตรงนี้ผมคอยเตือนภรรยาว่ายัง
เรายังไม่เที่ยวแค่สำรวจ (ผมบ้าเนาะ) ที่นี่เป็นจุดที่ผู้คนเยอะมาก และสำหรับวันแรกนี่เราก็ไม่คิดเลยว่า
เราต้องมาที่นี่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะมันสวยประทับใจอะไรมาก แต่ขากลับโรงแรมนึกอะไรไม่ออกก็มาที่
นี่ก่อน ที่ Old town square มีสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ให้ดูเยอะมาก ๆ และเป็นโชคดีที่เราเข้าไปข้างในได้
หมด ซึ่งจะมาเข้าวันหลัง

โบสถ์  St. Nicholas Church ศิลปะบาร็อก ถ้ามองจากจุดที่เดินมาก็จะอยู่ทางด้านซ้ายมือสุด
และถ้าคุณหลังกลับไปหลังจากเดินมาได้นิดหน่อย  คุณก็จะได้เห็นโบสถ์สองยอดที่สวยงามเป็น
จุดที่เด่นที่สุดของฟากนี้ (เข้าฟรี ข้างในสวยงามทีเดียว)                                                              

ซึ่งโบสถ์ที่ว่านี้มีชื่อว่า Týn Cathedral ซึ่งชื่อเต็ม ๆ คือ The Church of Our Lady in front of
Týn ถึงตรงนี้พอพ่อแม่เริ่มมัน ลูกน้อยก็เริ่มเบื่อ ไม่รู้จะชื่นชมความงามอะไรกันนักหนา วิธีแก้ก็ต้องตาม
ใจลูกบ้าง ชี้ชวนให้ดูโน่นดูนี่มั่ง ให้เข็นรถเข็นบ้าง  ก็พอจะลดความหงุดหงิดของเจ้านีรลงได้บ้าง

นี่ไง หลังจากได้เข็นรถเข็น อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้

ที่เห็นในรูปข้างบนคือ Old Town Hall ที่เป็นที่ตั้งของ Astronomical Clock อันโด่งดัง ใครผ่านมาที่นี่
ก็จะทำสองอย่าง
คือถ่ายรูปกับนาฬิกาและรอดูตุ๊กตาไขลาน อันนี้ต้องขอบอกว่าถ้าใครจะไป
มึนเซ่น(มิวนิค)
ต่อก็ไม่ต้องเสียเวลาดู เพราะที่ศาลาว่าการเมืองที่นั้นมีตุ๊กตาไขลานที่น่าดูกว่าเยอะ แต่
ถ้าใครไม่ได้ไปเยอรมันต่อ ตรงนี้ก็น่าดูมาก อย่างน้อย ๆ ก็ได้ร่วมตื่นเต้นกับฝูงชนเพื่อคอยชี้ชวนให้
เล็งตุ๊กตาไขลานที่ว่า  ใน Old Town Hall มีไกด์ รถม้า เอกชน ไว้บริการมากมาย และข้างในก็มีห้อง
น้ำ (เสียเงินเล็กน้อย) และข้อมูลบริการนักท่องเที่ยว วันนี้เรายังไม่ขึ้นไปข้างบน ซึ่งจะมาขึ้นในวันหลัง

ช่องหน้าต่างด้านบนนาฬิกานี่แหละ ที่ผู้คนให้ความสนใจมากกว่านาฬิกา สำหรับตัวผมก็ตื่นเต้นไม่ใช่
น้อย เพราะคนพยายามชี้ให้ดู แต่ก็มองไม่เห็น ตรงนี้คุณอาจจะได้พบเจอคนไทยด้วย

แม่คนสวยกับลูกชายสุดหล่อก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย สังเกตเจ้านีรครึ่งบน(ส่วนหัว)นั้นเหมือนแม่
ยังกะโขกดินน้ำมันออกมา

มุมที่สวยที่สุดของ Old Town Square ในสายตาผม ช่วงรอยต่อระหว่างฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วงเป็น
ช่วงที่เหมาะสมกับการเที่ยวมากที่สุด เพราะอากาศไม่ร้อนและแสงแดดมียาวไปถึงสองทุ่ม ที่แย่
หน่อยก็คือมันเป็นฤดูท่องเที่ยว ถ้าอยากพักโรงแรมค่าที่พักจะแพงขึ้นมาก ตรงบริเวณตรอกที่เห็น
ในรูปข้างบน ด้านซ้ายมือจะมี hostel ที่ว่ากันว่าดีที่สุดด้วย แต่ต้องจองกันนานหน่อย  จากตรงนี้เรา
ก็เดินกลับหลังแล้วเดินตรงออกมา

เดินตรงไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามทางไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอสิ่งที่ทุกคนถามหาเมื่อมาเยือนปราก นั่นคือ
Charles Bridge, Prague ภาพที่เห็นตรงเบื้องหน้าคือ Old Town Bridge Tower จุดเริ่มต้นด้านหนึ่ง
ของสะพานที่มีชื่อเสียง ทั้งตัวหอคอยและตัวสะพานนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเป็นสัญลักษณ์
ของปราก น่าเสียดายจริง ๆ ที่ช่วงที่ไปสะพานปิดซ่อมพื้นบางส่วน ทำให้จำนวนคนขายของนั้นน้อย
ลงไป และรูปปั้นบางรูปก็ไม่สามารถถ่ายได้ ซึ่งรูปปั้นแต่ละอันนั้นจะมีประวัติรวมถึงความเชื่อต่าง ๆ
ที่ผู้คนจะต้องไปสัมผัส แน่นอนครอบครัวเราก็มาที่นี่ทุกวันเหมือนกัน

ภาพถ่ายปราสาทปราก ปราสาทโบรณาณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จริง ๆ แสงหมดแล้ว ภาพ
ที่เห็นนั้นมีการแต่งแสงพอสมควร  วันพรุ่งนี้เราวางแผนจะไปเที่ยวที่นั่นกัน พอถ่ายรูปชุดนี้เสร็จ
ก็ทุ่มกว่าแล้ว เราต้องรีบไปขึ้นรถรางเพื่อไปซื้อของที่ Tessco ที่เปิดแค่สองทุ่ม พอลงรถราง
ได้เราก็วิ่งเข้าห้าง Tessco ทันที ของที่ซื้อก็คือน้ำดื่ม ข้าวหอมมะลิ (เราเอาหม้อหุงข้าวมาด้วย
ก็ต้องประหยัด) ขนมปัง ผักสด นมสด แอปเปิล ที่ขาดไม่ได้คือไก่รมควันทั้งตัว รายการหลังเนี่ย
ได้ประสบการณ์จากตอนที่ไปเที่ยวปารีสคราวก่อน เพราะตัวหนึ่งกินได้สามวันทีเดียว แถมราคา
แค่ประมาณสามยูโร เวลากินก็ง่ายเนื่องจากสุกแล้ว ยัดเข้าไมโครเวฟสองสามนาทีเป็นอันกินได้
ซื้อไปซื้อมาของเต็มสองมือ

ที่ปรากนั้นมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือคนที่อายุประมาณ่ห้าสิบขึ้นไปนั้น พวกนี้จะไม่ค่อยยิ้มแย้มและ
เป็นมิตรเท่าไหร่ เนื่องจากผ่านช่วงลำบากมาเยอะ สงคราม อยู่ภายใต้การปกครองของโซเวียต
คนแก่ที่นี่จะพูดภาษาเยอรมันได้ เพราะว่าปรากเคยตกเป็นของนาซีอยู่พักหนึ่ง และจะพูดภาษา
อังกฤษไม่ได้ แต่คนหนุ่มสาว (หน้าตาดูดีกว่าเยอรมัน) จะพูดภาษาอังกฤษกันคล่อง
(อันนี้น่าจะเป็นข้อพิสูจน์อันหนึ่งว่า ภายใต้การปกครองของโซเวียตผู้คนไม่น่าจะมีความสุขกัน)

ก่อนกลับบ้านเราำแวะโรงแรมที่น้องชายของภรรยาผมพัก แล้วเจ้าตัวเล็กก็ได้ของฝากจากเมือง
ไทยเพียบ ที่ถูกใจสุด ๆ เห็นจะเป็นชุดนี้ (น้องสาวภรรยาซื้อฝากมา)

เจ้าตัวเล็กใส่ไม่ยอมถอด ใส่กระโดดไปกระโดดมาอยู่เป็นชั่วโมง ขณะที่กำลังจะออกลาดตระเวณ
ก็สะดุดขากางเกงหัวฟาดพื้นดังตุบ คราวนี้เจ็บหนักเก็บอาการไม่อยู่ปล่อยโฮออกมาสามสิบวินาที
แล้วก็ซ่าต่อ

อ่านตอนต่อไปได้ที่

เที่ยว ปราก Prague กับเจ้าตัวน้อย 5 วัน 4 คืน – ตอนที่ 4 ปราสาทปราก

Written by tsvhh

ตุลาคม 12, 2008 at 3:27 pm

เขียนใน เที่ยว

Tagged with ,