ผู้ใหญ่บ้าน Hamburg

someone in Hamburg who try to be expert in something

Archive for กรกฎาคม 2008

พระนครเหนือเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว

leave a comment »

โอ้พึ่งรู้

แต่ http://www.kmitnb.ac.th น่าจะมีการแจ้งเตือนหน่อยเน้อว่าย้ายไป http://www.kmutnb.ac.th
ลาดกระบังหล่ะ เมื่อไหร่

Written by tsvhh

กรกฎาคม 29, 2008 at 9:43 am

เขียนใน สังคม

Tagged with

STAR ALLIANCE

leave a comment »

เมื่อก่อนเชื่อเต็มหัวว่า Star Alliance นั้นมี 5 สายการบิน และการบินไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น
ความเชื่อนั้นหายไปแล้วความจริงคือ Star Alliance นั้นมี 21 สายการบินแล้ว

 

ตูไปอยู่ไหนมาวะ

Written by tsvhh

กรกฎาคม 22, 2008 at 5:24 pm

เขียนใน เที่ยว

Tagged with

ระบบการสอบที่ผมเคยเจอ

leave a comment »

เนื่องจากผมเรียน ป.ตรีในเมืองไทย ป.โทที่อังกฤษ และกำลังเรียน ป. เอก ที่เยอรมัน ดังนั้นผมจึงผ่าน
ระบบการสอบในระดับ ป.ตรี และ ป.โท ของทั้งสามประเทศมา จึงนำมาเขียนสรุปซะหน่อย แต่เนื่อง
จากความแตกต่างนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศเท่านั้น แต่ยังขึ้นกับท้องที่ของแต่ละประเทศด้วย ดังนั้นจะ
เขียนเฉพาะเจาะจงลงไปกับสิ่งที่ได้เจอมาเท่านั้น

ระบบการสอบไทยที่เคยสัมผัส

ระบบการสอบของไทยถือได้ว่ามีความเป็นระบบมากที่สุด  มีหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดวัดสอบ
ห้องสอบ ที่นั่งสอบ และคนคุมสอบ ทำให้ความสับสนระหว่างนักศึกษา คนคุมสอบ อาจารย์ เจ้าหน้าที่
มีน้อย ผิดพลาดตรงไหนก็ตามไปตรงนั้นได้ ข้อเสียส่วนใหญ่ของระบบการสอบของไทยนั้นจะอยู่ที่
ตัวนักศึกษาเอง ซึ่งอัตราการทุจริตมีสูงมาก แต่เนื่องจากระบบประนีประนอมของไทยทำให้อาจารย์
ไม่กล้าที่จะลงโทษสถานหนักกับนักศึกษาเท่าไหร่ นักศึกษามีการทุจริตขนาดที่อาจารย์ต้องตามไป
ดูถึงห้องส้วม เพราะมีนักศึกษาที่จงใจโกงจำนวนหนึ่งเอาเฉลยไปใส่ไว้ในห้องส้วม แล้วผลัดเวียนกัน
ไปดูก็มี

การสอบของไทยจึงมีปัญหาที่ความซื่อสัตย์ไม่ใช่ที่ระบบ ถ้าจะให้ดีขึ้นควรมีการหยุดพักหลังจากเรียน
ก่อนการสอบ เท่าที่พบได้คือนักศึกษาบางกลุ่มอาจจะต้องเรียนวันนี้สอบพรุ่งนี้เลยก็มี

ระบบการประเมินข้อสอบของไทยค่อนข้างจะเป็นระบบ คือข้อสอบจะถูกประเมินจากภาควิชา การ
ให้คะแนนก็จะถูกประเมินจากคณะฯ ถ้าปฏิบัติได้เต็มที่ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก ปัญหาคือเงื่อนของเวลา
ที่ค่อนข้างจำกัดมาก และอาจารย์แต่ละคนก็มีภาระการสอนค่อนข้างมาก  ครั้นจะใช้ระบบผู้ช่วยก็
จะพบได้บ่อยที่ผู้ช่วยสอนจะมีการโกงในหลาย ๆ รูปแบบให้กับนักศึกษาที่สนิทกัน

การแต่งกายเข้าสอบของเมืองไทยนั้นระดับ ป.ตรี ต้องแต่งชุดนักศึกษาเท่านั้น ระดับ ป.โท ให้แต่ง
กายสุภาพ และห้ามนำสิ่งของเข้าไปบริเวณสอบ ทั้งนี้และทั้งนั้นประเทศเราถือว่านักศึกษาระดับ ป.ตรี
ยังเป็นนักศึกษาที่ยังไม่โต

 

ระบบการสอบของอังกฤษที่เจอ

เนื่องจากสอบในฐานะผู้เรียนจึงไม่ได้รู้ระบบเท่าไหร่ ที่นี่คล้ายกับเมืองไทย คือมีตารางสอบที่ชัดเจน
มีสมุดคำตอบที่สวยงาม นอกจากนั้นยังมีการป้องกันอาจารย์มีสัมพันธ์ลึกซื้งกับนักศึกษาด้วยการที่
นักศึกษาสามารถปิดชื่อตัวเองไม่ให้คนตรวจเห็นได้

สิ่งที่ต้องพูดถึงคือเรื่องของเครื่องคิดเลข ที่สถาบันที่ผมเคยไปเรียนนั้นออกกฏเครื่องคิดเลขให้ใช้
ได้รุ่นเดียวยี่ห้อเดียว และเป็นรุ่นที่มีราคาถูก  เคยปรึกษากับอาจารย์ที่เมืองไทยปรากฎว่าระบบนี้ใช้
กับมหาวิทยาลัยของรัฐในไทยไม่ได้ เพราะจะถูกมองว่าฮั้วกับบริษัทขายเครื่องคิดเลข ซึ่งเป็นข้อหา
หนักอยู่เหมือนกัน และระบบดังกล่าวถ้านำมาใช้ในเยอรมันก็ยิ่งไม่ได้เลยเพราะขัดต่อเรื่องของเสรี
ภาพ

สำหรับข้อสอบที่ผมเคยเจอนั้นค่อนข้างจะดี คือนักศึกษามีสิทธิเลือกทำเฉพาะส่วนที่ตัวเองทำได้เช่น
มีข้อสอบสามข้อเลือกทำแค่สองข้อ หรือมีห้าโมดุลเลือกทำแค่สามโมดุล

ส่วนเรื่องการทุจริตในประเทศนี้นั้นไม่รู้ข้อมูล  ส่วนการแต่งกายนั้นตามใจสมัครและถ้าจำไม่ผิดคือ
ห้ามนำสิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณสอบ

 

ระบบการสอบของเยอรมันที่เจอ

ระบบการสอบของเยอรมันเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับคนจัดการมาก ๆ ถ้าเทียบกันก็ถือว่าล้าหลังที่อื่น
เอามาก ๆ การสอบของเยอรมันนั้นไม่มีส่วนกลาง ส่วนกลางมีหน้าที่แค่จองห้อง ส่วนการจัดสอบนั้น
เป็นหน้าที่ของผู้สอน

ก่อนอื่นพูดได้เลยว่าการสอบของเยอรมันนั้นไม่มีระบบ แม้กระทั่งกระดาษคำตอบก็ยังต้องเอามา
เอง ศาสตราจารย์ที่นี่มีหน้าที่สอนแค่นั้น ผู้ออกข้อสอบ ประเมินข้อสอบ ตรวจข้อสอบ คือนักศึกษา
ปริญญาเอก ทั้งแบบได้เงินและไม่ได้เงินเดือน

นักศึกษาของที่นี่คือพระเจ้า กล่าวคือทุกวิชาที่นี่จะเปิดสอบสองครั้งในหนึ่งปี ถึงแม้จะมีการสอน
แค่ครั้งเดียวก็ตาม ถ้าจำนวนนักศึกษาน้อย ศาสตราจารย์จะใช้วิธีสอบแบบปากเปล่า ถ้าเยอะจะใช้
วิธีสอบข้อเขียน สำหรับการสอบข้อเขียนนั้น นักศึกษาสามารถจะลงชื่อสอบได้ถึงเวลาเข้าสอบเลย
และถอนชื่อสอบได้หรือจะไม่เข้าสอบเอาดื้อ ๆ ก็ได้  ในขณะที่สอบปากเปล่าจะขอเปลี่ยนวัน เลื่อน
วัน ยกเลิกการสอบก็ทำได้ง่าย ๆ แค่ส่งอีเมลให้เลขาฯ ศาสตราจารย์เป็นอันจบ

มาดูการสอบข้อเขียน เด็กที่นี่สามารถนำอะไรเข้าห้องสอบก็ได้ เพียงแต่ต้องปิดมือถือ และไม่วาง
สิ่งอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องบนโต๊ะสอบ ส่วนกล้วย น้ำ ขนม ข้าวห่อ อื่น ๆ เอาเข้ามาไว้ข้างตัวได้หมด
และจะกินตอนไหนก็ได้  กระดาษคำตอบนั้นเด็กจะต้องเอามาเอง พอหมดเวลาคนคุมสอบก็จะต้อง
เอาที่เย็บกระดาษไปเย็บกระดาษคำตอบด้วย

ที่แย่มาก ๆ คือ การสอบจะเริ่มก็ต่อเมื่อคนคุมสอบเห็นว่านักศึกษาทุกคนพร้อมจะสอบ กว่าที่นักศึกษา
จะพร้อมก็เล่นเอาคนคุมสอบเหนื่อย เพราะที่นี่ไม่มีระบบที่นั่งสอบ มาก่อนได้ก่อน และเป็นการยากที่
จะจัดห้องสอบรองรับนักศึกษาได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนั้นรหัสประจำตัวนักศึกษาก็มั่วมาก
เพราะนักศึกษามีอิสระในการเลือกลงวิชา จะลงเทอมไหนเมื่อไหร่ก็ได้ เลือกสอบข้ามมหาวิทยาลัย
ยังได้เลย ขอให้บอกมหาวิทยาลัยต้องทำตามนักศึกษา

ที่ภาควิชาฯ สองสามปีก่อนเกิดปัญหากับการเย็บกระดาษ เลยปรับปรุงให้มีกระดาษคำตอบเฉพาะ
ให้นักศึกษาขึ้น (เลขาฯ จะเป็นคนเข้าเล่มกระดาษคำตอบ) และพึ่งเริ่มมีการจัดระบบที่นั่งสอบมาใช้
เพราะห้องและจำนวนคนไม่พอ ดังนั้นต้องใช้ห้องให้เต็มประสิทธิภาพ

การออกข้อสอบและตรวจข้อสอบข้อเขียนนั้นค่อนข้างจะมีระบบที่ดี เพราะเริ่มจากศาสตราจารย์คิด
หัวข้อเอาไปให้นักศึกษาปริญญาเอกคิดรายละเอียด ทำเฉลย จากนั้นก็จะมีการทดลองทำข้อสอบ
โดยนักศึกษาป.เอกอีกกลุ่มหนึ่ง มีการประเมินและแก้ไขใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้ข้อสอบสุดท้าย
การตรวจก็จะมีการวางแผนการให้คะแนน ว่าทำอะไรตรงไหนจะได้กี่คะแนน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี  แต่
ต้องไม่ลืมนะครับว่าศาสตราจารย์เป็นแค่ผู้สอนและผู้ประเมินสุดท้ายเท่านั้น

ความเป็นพระเจ้าของนักศึกษาที่นี่ยังมีอีก คือนักศึกษาสามารถขอดูการตรวจข้อสอบได้หนึ่งครั้ง
ถ้าไม่เห็นด้วยกับการตรวจก็สามารถเถียงเพื่อเอาคะแนนเพิ่มได้ ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็สามารถส่งเรื่อง
ไปให้ศาสตราจารย์ได้ โดยส่วนใหญ่ศาสตราจารย์จะยอม เพราะถ้าไม่ยอมนักศึกษาจะฟ้องขั้นสูง
ต่อไปอีก นอกจากนั้นยังมีระบบในข้อเดียวกันผิดแล้วหักคะแนนแล้วจะหักซ้ำไม่ได้ ยกตัวอย่างถ้า
1.ก ผิด 1.ข ทำผิดแบบ 1.ก แต่ที่เหลือถูกหมด ข้อ 1.ข จะต้องได้เต็ม ซึ่งมีปัญหามากโดยเฉพาะ
ข้อสอบที่ต้องวาดรูป

นักศึกษามีสิทธิสอบแต่ละวิชาได้สี่ครั้ง คือสอบข้อเขียนได้ 3 ครั้ง ถ้าตก (ไม่มีการบันทึกการตกใน
ใบรายงานผลการศึกษา) อีกก็จะเข้าสอบปากเปล่าถือประเมินว่ามีความรู้หรือไม่ คือถ้าตกอีก
นักศึกษาคนนั้นจะถูกประเมินว่าไม่สามารถเรียนสาขาวิชานั้น ๆ ได้อีกต่อไปในประเทศเยอรมัน

มาถึงการสอบปากเปล่า การสอบปากเปล่าก็มีหลายระบบ สอบทีละกลุ่มสามคนก็มี สอบทีละคนก็มี
ใช้คอมพิวเตอร์สอบด้วยก็มี การสอบแต่ละครั้งกินเวลาประมาณ 30 นาที และคะแนนก็ให้กันหลัง
สอนในทันที การสอบจะมีนักศึกษา ป.เอก นั่งบันทึกการสอบและมีส่วนตัดสินใจเรื่องคะแนน ดู
เหมือนจะยุติธรรมดี แต่จริง ๆ แล้วการสอบแบบนี้ขึ้นกับอารมณ์ผู้ถามมาก ๆ เพราะบางครั้งถาม
คำถามยากขึ้นก่อน นักศึกษาก็จะลงนรกทันที นอกจากนั้นบางคนตอบผิด ตอบช้า คนถามก็จะ
ต้องแนะนำจนมั่นใจว่าไอ้นี้มันไม่รู้จริง ๆ บางทีนักศึกษาคิดนานทำให้เสียเวลาและถามคำถามได้
ไม่ครอบคลุมอีก แถมบางการการสอบของแต่ละคนห่างกันเป็นเดือนก็มี (ระบบนี้ถ้านำมาใช้เมือง
ไทย คนหลัง ๆ เต็มหมด)

สิ่งที่เยอรมันอยู่ได้และเจริญก็เพราะว่า นักศึกษาจะไม่คิดจะทุจริต การโกงการสอบถือเป็นเรื่อง
แปลกมาก ๆ ในเยอรมัน ซึ่งนักเรียนต่างชาติที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยสอน ช่วยออกข้อสอบ จะซึมซับ
เรื่องพวกนี้ไปโดยไม่รู้ตัว

สรุปเยอรมันโกงน้อยมาก ๆ ทำให้ระบบการสอบไม่ต้องมี เพราะระบบการสอบส่วนใหญ่คิดขึ้นมา
เพื่อลดโอกาสในการโกง

โอยยาว จบดื้อ ๆ แล้วกัน

Written by tsvhh

กรกฎาคม 22, 2008 at 12:02 pm

เขียนใน สังคม

Tagged with

West Germany – Luxemburg – Belgium Trip – ตอนที่ 5

with 3 comments

  1. West Germany – Luxemberg – Belgium Trip – ตอนที่ 4
  2. West Germany – Luxemburg – Belgium Trip – ตอนที่ 3
  3. West Germany – Luxemburg – Belgium Trip – ตอนที่ 2
  4. West Germany – Luxemburg – Belgium Trip – ตอนที่ 1

ก้าวแรกสู่เมืองหลวงของยุโรปแห่งนี้ไม่ค่อยประทับใจนัก ผมจับมือเจ้าน้องนีรแสนซนไว้แน่น ไม่มีอะไรพอ
เป็นสัญญาณแห่งความปลอดภัยได้เลย ผมและแม่น้องนีรเดินไปก็นึกภาพสถานี Gare Du Nord ที่ปารีส
ในใจ สถานี Brussels-Central นั้นกว่าจะขึ้นไปข้างบนได้จะต้องเดินตามทางซึ่งทั้งเงียบ เปลี่ยว และ
เหม็น เราได้ส่งข้อความบอกน้องปูปลาเรียบร้อยแล้วว่าไม่ต้องลงมารับข้างล่าง เพราะเราสี่ชีวิตยังไงก็
มากกว่า ยิ่งมากยิ่งปลอดภัย

เมื่อได้พบหน้ากันสองสาวคือภรรยาผมและน้องปูปลาก็โผเข้ากอดกันตามภาษาคนไม่ได้เจอกันนาน และ
สาวไทยหนึ่งเดียวที่มารับเราก็พาเราไปยังที่พักหรู ๆ ของเธอ เส้นทางก็ต้องนั่งรถไฟใต้ดินและไปต่อรถราง
การเดินทางใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงรวมระยะเวลารอรถด้วย ป้ายบอกสถานีที่นี่จะมีทั้งหมดสามภาษา
คือฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ แล้วก็ภาษาอังกฤษ ด้วยสาเหตุที่ว่าคนในประเทศนี้มีประเทศแม่ต่างกันและไม่ถูก
กัน (คล้าย ๆ กับคนไทยเวลานี้ ที่ถือหางนักการเมืองต่างค่ายก็ไม่ถูกกัน) กล่าวคือคนที่มีประเทศแม่เป็น
ฝรั่งเศสก็จะพูดภาษาฝรั่งเศส ส่วนคนที่มีประเทศแม่เป็นฮอลแลนด์ก็จะพูดภาษาฮอลแลนด์แดนกังหันลม ใน
ขณะที่คนทั้งสองฝั่งถ้าจะสื่อสารกันก็จะใช้ภาษาอังกฤษ

นอกจากความแปลกของป้ายตัวหนังสือ ป้ายบอกเวลารถไฟฟ้าใต้ดินของที่นี่ก็แปลกไม่แพ้กัน ตอนนั้นไม่มี
จิตใจจะถ่ายรูป รู้แต่ว่ารถไฟหลาย ๆ สายที่ผ่านเข้าสถานีนั้นเมื่อถึงจุดตรงกลางก็จะสว่าง จุดที่ห่างออกไป
ก็จะห่างออกไปเป็นนาที กว่าจะเข้าใจก็ปาเข้าไปวันที่สองแล้ว  ด้วยความที่ผมเป็นหนุ่มใหญ่คนเดียวใน
กลุ่มและมีหน้าทีดูเจ้านีร  ผมจึงไม่ค่อยได้ให้ความสนใจกันสถานีที่จะลงเท่าใดนัก พอลงจากรถไฟใต้ดินได้
ก็ต้องไปต่อรถราง ซึ่งคราวนี้ไม่มีป้ายบอกเวลา ดังนั้นจะรอนานแค่ไหนก็วัดดวงกันเอาเอง แย่จริง ๆ

อีกเรื่องที่ประหลาดก็คือเรื่องการบันทึกเวลาตั๋ว สำหรับรถไฟใต้ดินนั้นต้องบันทึกที่สถานีด้านนอก ถ้าลืม
ก็ต้องเดินย้อนไปกดใหม่ถ้าไม่อยากเจอตรวจแล้วเสียค่าปรับ ในขณะที่รถรางซึ่งใช้ตั๋วแบบเดียวกันนั้นจะ
มีเครื่องบันทึกในตัวรถ ไม่จำเป็นต้องทำที่สถานี สำหรับตั๋วที่เราใช้ก็เป็นตั๋วแบบเหมาสิบเที่ยว ราคาก็
ประหยัดลงไปหน่อย (จำไม่ได้แล้ว เข้าใจว่าราคาลดแล้วประมาณเที่ยวละหนึ่งยูโร)

ย่านที่น้องปูปลาอยู่นั้นเป็นย่านคนดูดีมีเงิน ที่พักของน้องปูปลาก็เลยดูดีมีระดับไปด้วย ขณะเดินทางน้อง
สาวคนสวยของเราแทนที่จะเยินยอประเทศที่เธออยู่ เราก็ได้ยินแต่คำบ่นตลอดเส้นทาง เมื่อถึงห้องพัก
แล้วทุกคนก็ทำธุระส่วนตัว แบ่งหน้าที่กันดูแลเรื่องเที่ยววันพรุ่งนี้ โดยน้องปูปลาก็ได้ยกห้องนอนของเธอ
ให้ครอบครัวเราสามพ่อแม่ลูกเป็นที่หลับนอน ในขณะที่น้องแซนกับเจ้าของบ้านนั้นนอนห้องรับแขก ช่าง
ดีอะไรเช่นนี้  (อนึ่งน้องปูปลาจะแต่งงานในเร็ววันนี้แล้ว ขอให้มีความสุขมาก ๆ ครับ)

สภาพตอนกลางวัน

ตอนเช้าเจ้าของบ้านก็โชว์ความเป็นแม่ศรีเรือนต้มโจ๊กแบบไม่สำเร็จรูปให้พวกเราซึ่งเป็นแขกกิน ก่อนออก
เที่ยว  สำหรับวันนี้ตามแผนคือไปเที่ยว Brugge เมืองมรดกโลกที่แขกใครไปมาก็ต้องแวะมาที่นี่  ถ้ามี
เวลาเหลือก็อาจจะแวะเที่ยวเมืองอื่น ๆ ตอนขากลับอีก

เมื่อข้อมูลต่าง ๆ ไม่ชัดเจน นักเดินทางก็จะทำหน้าอย่างที่เห็น

การเดินทางเที่ยวนี้จะต้องซื้อตั๋วระหว่างเมือง เราเลือกตั๋วแบบสิบเที่ยวซึ่งจะนั่งไปไหนก็ได้ในประเทศ ซึ่ง
เรามีกันสามผู้ใหญ่ไปกลับก็หกเที่ยว วันถัดมาสามารถใช้ไปสถานีชายแดนเพื่อข้ามไปเยอรมันได้อีก

เพื่อนร่วมทางไปเมืองมรดกโลกนั้นส่วนใหญ่ก็มาจากทั่วยุโรป เราจึงได้ยินเสียงบ่นเป็นภาษาอังกฤษถึงเรื่อง
สภาพที่ย่ำแย่ของสถานี Brussels-Central โชคดีที่รถไฟค่อนข้างใหม่ แต่โชคร้ายคือไม่มีป้ายบอกสถานี
ผู้โดยสารจะต้องคอยเดา เอาเป็นว่ารถไฟได้พาเราสี่ชีวิตไปถึงเมืองมรดกโลกที่สวยงามก็แล้วกัน

หนุ่มน้อยทำมือรูปหัวใจแก้เบื่อขณะเดินทาง

ขณะเดินทางนั้นอากาศดีมาก มีแดดสดใสตลอดทาง เมื่อรถไฟจอดสถานีใหญ่ก็มีคนลงเป็นระยะ ๆ ผู้มาเยือน
อย่างเราก็ต้องคอยผุดลุกผุดนั่งดูป้ายสถานีว่าเลยหรือยัง สุดท้ายเมื่อเวลาได้ผมก็เลยทำใจกล้าไปถามเจ้า
พนักงานว่า “ที่นี่ที่ไหนแล้ว ใช่บรูคหรือเปล่า” เจ้าหน้าที่ตอบยิ้ม ๆ ว่า “ไม่ใช่ที่นี่บรูคเคอะ” ผมทำหน้างง ๆ
“อ๋อบรูคเคอร์แล้วเหรอ” เจ้าหน้าที่ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่ใช่ที่นี่บรูคเคอะ” ผมยิ้งแฮะก่อนจะเดินกลับมาบอก
เพื่อนร่วมทางว่า “เดี๋ยวดูป้ายเอาเองแล้วกัน”

สภาพอากาศตอนเริ่มเที่ยวนั้นดูดีทีเดียว เพียงแต่ว่ามันหนาวไปเยอะ ก็เลยไม่ค่อยมีอารมณ์ชมนกชมไม้เท่า
ไหร่ และนี่คือประตูเบิกทางสู่เมืองมรดกโลกเมืองนี้

แต่สวยอย่างไรผมไม่สนหรอกนะมีของกินแล้ว

เราก็เดินทางแผนที่เก่าแก่ที่น้องปูปลามอบให้มา โดยโปรแกรมก็คือเดินให้รอบส่วนที่เป็นมรดกโลก และ
การมาเมืองนี้สิ่งที่คุณจะได้เจอก็คือ

เรือชมรอบเมือง ม้า แล้วก็ห่าน

และสิงที่ขาดไม่ได้สำหรับเมืองนี้ก็คือ ช็อคโกแล็ต และผ้าลูกไม้

นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ช็อคโกแล็ต การเจียไนเพชร และก็โบสถ์ต่าง ๆ ให้เลือกชม ซึ่งเมืองในส่วนนี้เป็น
เป็นเมืองด้านนอก ซึ่งยังมีเมืองด้านในที่สวยงามอีกเยอะ ไว้ต่อตอนหน้าแล้วกัน

ผมขอพักด้วยไอ้นี่ก่อนแล้วกัน

Read the rest of this entry »

Written by tsvhh

กรกฎาคม 20, 2008 at 11:59 pm

เขียนใน เที่ยว

Tagged with ,

รายงาน Robocup 2008

leave a comment »

ไทยได้สามรางวัลแน่นอนแล้วคือทีม Skuba ซึ่งได้ที่สามของ Small Size Robot โดยชนะ
แชมป์ประเภทเทคนิคยอดเยี่ยมทีมจีน ZJUNlict ไปสุดมันด้วยสกอร์ 1:3 ซึ่งทีม Skuba นั้น
เป็นรองแชมป์ประเทศไทยจาก ม.เกษตร

ในขณะที่แชมป์ประเทศไทยตลอดกาลอย่าง Plasma-Z จากจุฬาฯ ก็จะได้ล้างแค้นแชมป์เก่า
ทีมตีนหนักอย่าง CMDragons ที่ปีที่แล้วชิงกันถึงช่วงต่อเวลา  ต้องคอยดูบ่ายสามตามเวลา
ในประเทศไทยนะครับ น่าจะชนะได้แชมป์โลกนะ

VisiON

ส่วนประเภท Humanoid Kidsize ซึ่งมีทีมไทยของ FIBO
แข่งด้วยนั้น (ปีนี้หุ่นดีขึ้น แต่ทีม อื่น ๆ ก็พัฒนาไปมากเหมือนกัน
ทำให้ทีมไทยพลาดตกรอบคัดเลือกเข้ารอบสองไป) เราคงต้อง
ลุ้นศึกญี่ปุ่น-เยอรมันกัน ดูว่าสุดยอดโรบอทเวอร์ชัน 44 ของ
Team Osaka จะล้างแค้นทีม ตีนผีจากเยอรมัน NimBro Kid
ได้หรือไม่

ส่วน Plasma-RX ทีหุ่นกู้ภัยจากจุฬาฯ ก็รักษาแชมป์ให้ประเทศ
ไทยได้อีกแล้วครับ ทำให้ทีมไทยได้รักษาแชมป์โลกได้ 3 ปี
ซ้อนจากการแข่งขันประเภทนี้

อนึ่งการแข่งขัน Robocup 2008 นั้นแข่งที่จีน เวลาจึงไม่ห่าง
จากไทยมากนัก อีกทั้งมีทีมจากประเทศไทยไปแข่งเยอะมาก แต่
ไม่เห็น bloger สายเทคโนโลยีจากประเทศไทยรายงาน และจน
ถึงวันนี้ก็พึ่งเห็นข่าวในผู้จัดการที่คอยรายงานผลหุ่นกู้ภัย แต่มิได้
รายงานการแข่งขันหุ่นประเภทอื่นเลยทั้ง ๆ ที่เป็นการแข่งขัน
รายการเดียวกัน

รายงานสด: plasma-Z ได้แชมป์โลกไปแล้วนะครับ หลังจากที่รอคอยมาหลายปี (ทำดีขึ้นตลอด)
โดยสามารถล้างแค้นแชมป์เก่า CMDragon ไปได้สุดมัน 4:2 ดีใจด้วยจริง ๆ ครับ

Written by tsvhh

กรกฎาคม 20, 2008 at 8:09 am

เขียนใน Evil, technology

Tagged with

Naruto Espisode …

leave a comment »

และแล้วนารุ สกาย์วอคเกอร์ ก็ได้เดินทางไปฝึกกับเจ้าแห่งพลังยังดวงดาวอันไกลโพ้น

ตอนนี้การ์ตูนนินจาลอกหนัง starwar ซะทั้งดุ้น ที่แท้คนวาดไปเก็บข้อมูลแบบนี้นี่เอง  นารุโตะนั้นลอก
ทั้งฉากทั้งเนื้อเรื่องจากหนังเยอะเหมือนกันครับ lord of the ring ก็โดนลอกฉากมาแล้ว

Written by tsvhh

กรกฎาคม 18, 2008 at 2:19 pm

เขียนใน ขำ, ส่วนตัว

ส่งแรงใจเชียร์ Tamarine ขาดใจ

leave a comment »

เธอเล่นไปยิ้มไปน่ารักมาก

Written by tsvhh

กรกฎาคม 1, 2008 at 1:42 pm

เขียนใน Uncategorized