ผู้ใหญ่บ้าน Hamburg

someone in Hamburg who try to be expert in something

West Germany – Luxemburg -Belgium Trip – ตอนที่ 2

with 5 comments

จากตอนที่แล้ว

สาเหตุของการไปเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้มีสาเหตุอะไร เป็นเป็นการไปเที่ยวประจำต้นปีของครอบครัวเรา
ซึ่งโดยปกติแล้วครอบครัวเราจะไปเที่ยวกันปีละสองครั้งคือต้นปีกับปลายปี ต้นปีส่วนใหญ่จะเป็น
การไปเที่ยวใกล้ ๆ และไม่ได้จริงจังอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการไปเที่ยวเพื่อเยี่ยมเยือน หรือเที่ยว
วันหยุดยาว ๆ แบบอีสเตอร์เท่านั้นเอง และก็เหมือนทุกต้นปีที่เราจะมีเวลาเตรียมตัวไม่มาก เรียก
ว่าตัดสินใจได้ก็ไปเลย และเพื่อให้การเดินทางประหยัดยิ่งขึ้นเราได้ซื้อตั๋ว Tchibo Ticket เตรียม
ไว้  ซึ่งตั๋วนี้ทำให้เราประหยัดเดินทางทั่วประเทศเยอรมันได้ในราคาเพียงเที่ยวละ 29 ยูโร และค่อน
ข้างจะสะดวกสบาย เพราะวันเดินทางผู้ใช้จะ็สามารถเขียนจุดหมายปลายทางก่อนขึ้นรถได้เลย ไม่
ต้องจองตั๋วเลือกเที่ยวให้ลำบาก อยากขึ้นคันไหนเวลาไหนก็ขึ้นเลย ขอแค่เขียนปลายทางให้ชัดเจน
เป็นพอ แต่ต้องระวังนะครับตั๋วนี้ถ้าเขียน ๆ ลบ ๆ ก็จะโดนหาว่าเจตนาโกง โดยปรับแน่นอน

เราเริ่มต้นการเดินทางออกจากฮัมบวร์กประมาณ 10 โมงเช้าโดยรถไฟ IC ไปยัง Düsseldorf เป็นอันดับ
แรก ซึ่งเราเลือกเวลาและทำเวลาได้ดี  นอกจากรถว่างมาก ๆ แล้วเวลายังไม่แน่นจนต้องรีบอะไร

เมื่อถึง Düsseldorf เราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้เลย รู้แค่ว่าเวลาไปอังกฤษต้องขอวีซาที่นี่เท่านั้นกับ
รู้ว่าเมืองนี้เป็นเมือง Outlet สถานีรถไฟและสายรถไฟฟ้าใต้ดินไม่ได้คุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนที่ฮัมบวร์ก กว่า
จะเลือกสายเลือกเที่ยวก็ต้องโทรถามน้องเทนตลอด (ระบบตั๋วในเยอรมันต้องซื้อตั๋วให้ดี เพราะมันจะทำ
ให้ประหยัดเงินไปได้เยอะ) หลังจากที่เข้าพักที่โรงแรมบ้านน้องเทน แล้วพักทานน้ำขนมจนหายเหนื่อย เรา
ก็รอจนเจ้าตัวเล็กคุ้นเคยกับสถานที่และเข้าที่เข้าทาง จากนั้นเราก็ตรงรี่ไปยัง Outlet หาของถูกจนเป็นที่
พอใจแล้วก็กลับเข้ามาที่ ๆ พัก มาเจอกับน้องแซนโดยวัตถุประสงค์หลักคือให้น้องแซนพาไปเลี้ยงอาหาร
เกาหลีตามที่ถูกบีบคอให้สัญญาไว้ ข้อมูลควรรู้อีกอย่างของ Düsseldorf ก็คือเมืองนี้มีคนญี่ปุ่นอยู่เยอะ
ซึ่งไม่เกี่ยวกับร้านอาหารเกาหลีที่เราจะไปกินกัน

คนซ้ายคือน้องเทนผู้ให้ที่พักพิง คนขวาคือน้องแซนผู้ยินดีเลี้ยงอาหารเกาหลี ครอบครัวเราก็โชคดีอย่างนี้
แหละ

การไปพักกับเพื่อน ๆ นั้น สิ่งที่คุณต้องเตรียมไปก็คือเครื่องนอน เพื่อไม่ให้ขาดไม่ให้เหลือก็ควรจะตรวจ
สอบกับเจ้าของบ้านก่อนว่ามีเครื่องนอนให้หรือเปล่า งวดนี้เนื่องจากไปพักบ้านน้องเทนกันถึงสี่คน ไม่มี
ทางที่เจ้าของบ้านจะมีเครื่องนอนให้พออยู่แล้ว ก่อนเดินทางเราก็จำเป็นต้องซื้อถุงนอนอย่างดีราคาตั้ง
89 ยูโร แต่เราซื้อในราคาลดแล้วลดอีกเหลือแค่ 10 ยูโรเท่านั้น แรก ๆ ก็ไม่ค่อยจะถูกใจเท่าไหร่ เพราะ
มันทั้งหนาทั้งหนัก แต่พอเอามาใช้งานจริงจังมันเยี่ยมมากเลยครับ น้องเทนนอกจากจะมีที่ให้พักพิงแล้ว
ยังลงทุนซื้อเตียงใหม่จาก IKEA ไว้รับแขกอีกด้วย งานนี้แขกไม่ได้ช่วยต่อเตียงแต่ได้ช่วยต่อโต๊ะกินข้าว
ให้

หลังจากพักผ่อนนอนหลับกันจนอิ่มเมื่อคืนแล้ว เราก็ออกเที่ยวโดยเป้าหมายก็คือเที่ยว Düsseldorf และ
เมืองใกล้ ๆ ที่ผมขอร้องให้ไปให้ได้คือผมจะไปนั่ง Schwebebahn ที่เมือง Wuppertal ดังที่ได้กล่าว
ไปแล้วในตอนที่หนึ่ง ดังนั้นวันนี้เราจึงเที่ยว Düsseldorf ในช่วงเช้านิดเดียวเท่านั้น ไว้ตอนเย็นจะกลับมา
เที่ยวใหม่

Düsseldorf ในสายตาผมแล้วก็คือไม่มีอะไรให้เที่ยวนั้น แต่น่าอยู่สงบเงียบและมีธรรมชาติที่สวยงาม
เมืองสองฝั่งแม่น้ำไรน์ถ้าอากาศดีไม่ได้หนาวสะท้านอย่างวันที่ไป ก็จะเป็นสถานที่ที่น่านั่งเล่นพักผ่อนเป็น
อย่างยิ่ง

Düsseldorf ยังมีการจัดการแข่งขันตีลังกาประจำทุกปี และก็มีถนนบาร์ที่นับรวมกันทุกซอกซอยแล้วยาวที่
สุดในโลกอีกด้วย

จากนั้นเราก็เคลื่อนทัพไปยังเมือง Wuppertal เมืองในเขต North Rhine-Westphalia เมืองที่จริง ๆ
แล้วมีจุดเด่นแค่ รถ monorail แบบแขวนและวิ่งเหนือ Wupper river 12 เมตรเท่านั้นเอง แต่จริง ๆ
ก็มีอะไรพอให้เที่ยวบ้างเช่น พิพิธภัณฑ์นาฬิกา ซึ่งวันที่ไปมันปิดก็เลยไม่ได้เข้าไปดู

หลังจากเดินสำรวจทั่วตัวเมืองแล้วเราก็ออกเดินทางด้วยการโดยสารรถไฟฟ้าที่แขวนเหนือน้ำ 12 เมตร โดย
ตัวสถานีมีหน้าตาแบบนี้

ทุกอย่างก็เหมือนสถานีรถไฟฟ้าทั่วไปในเยอรมัน ซึ่งมีทั้งบนดิน ใต้ดิน ลอยฟ้า ต่างกันแต่ว่ารถไฟฟ้าที่เมือง
นี้มันลอยมา

ภายในรถก็เหมือนรถไฟฟ้าทั่ว ๆ ไปอีกนั่นแหละ ต่างกันตรงที่ว่ามันแกว่งตลอดทาง ยิ่งเวลาเข้าโค้งแล้วหล่ะ
ก็ คนขับจะเข้าโค้งแบบมันสุด ๆ เหมือนหนึ่งว่ากำลังนั่งรถไฟฟ้าในสวนสนุกทีเดียว และที่ตื่นเต้นมากก็ตอน
ที่เข้าโค้งแล้วพวกเรามองออกไปนอกหน้าต่าง ตัวรถที่อยู่เหนือแม่น้ำวิ่งด้วยความเร็วสูงพร้อมกลับแกว่งไป
แกว่งมา เป็นที่น่าหวาดเสียวต่อผู้ที่มาใหม่ยิ่งนัก ในขณะที่ผู้คนเมืองนี้ทำหน้าเบื่อ ๆ เพราะพวกเขาต้องนั่ง
รถที่ว่าไปไหนต่อไหนกันทุกวันอยู่แล้ว คงนึกในใจว่าไอ้พวกนี้มันมาตื่นเต้นอะไรกัน

ภาพข้างล่างแสดงให้เห็นรางรถไฟที่อยู่ข้างบน และช่วงเลี้ยวโค้งที่จะเห็นได้ว่าโค้งมาก ๆ

สนุกที่สุดเห็นจะเป็นคนนี้ ก่อนจากก็ขอยืนเท่ ๆ ถ่ายรูปซะหน่อย

รถแขวนนี้ ผู้มาเยือนสามารถใช้ตั๋วรัฐ ตั๋วสุดสัปดาห์ ขึ้นได้โดยไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติม เพราะว่ามันเป็นรถ
โดยสารปกติจริง ๆ การนั่งรถไฟที่เมืองนี้ทำให้นึกถึงคำพูดของใครบางคนที่เคยหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่า กทม ฯ
ว่าจะทำรถรางเรียบคลองแสนแสบ แล้วก็มีคนแย้งว่าต้องทำแบบที่เมือง Wuppertal นี่ แต่สุดท้ายไม่ว่า
ใครจะได้เป็น การสร้างจริง ๆ ก็ขึ้นกับรัฐบาลสมัยนั้น ๆ ด้วย ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่

จริง ๆ เราวางแผนจะไปเที่ยวเมืองอื่นใกล้ ๆ แต่ติดด้วยอากาสที่แย่มาก ๆ นอกจากหนาวแล้วยังมืดคลึ้ม ก็
เลยตกลงใจพากันกลับมาที่ Düsseldorf เมืองที่น่าชม น่าอยู่ แต่ไม่มีอะไรให้เที่ยว เขาก็เลยทำอะไรให้
น่าจดจำหลายอย่างอยู่เช่น หอสูงที่ต้องเสียเงินขึ้นเลยไม่ขึ้น

ตึกรูปทรงแปลก ๆ ที่หาดูได้ยากเหมือนกัน อย่างตึกที่มีรูปทรงบูดเบี้ยว

ตึกที่มีรูปทรงประหลาด แปลก ๆ บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน

ขณะที่เราดูตึกไปนั้นลมแรงและอุณหภูมิต่ำมาก ๆ ทำให้ไม่ได้พินิจพิจารณาอะไรมากนัก สามารถเรียกได้ว่า
มาเที่ยวเพื่อดูเป็นบุญตาเท่านั้น และถ้าไม่รีบกลับที่พักก็อาจจะได้ใ้ช้ผลบุญในเวลาไม่นาน

ขากลับเราตัดสินใจเดินกลับ เพื่อที่จะได้ผ่านวิวสวย ๆ ของเมือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเห็นได้ทั่วไป
ตามหนังสือท่องเที่ยว

ถ้าเดินรอบ ๆ เมือง Düsseldorf ก็จะรู้สึกได้นะครับว่าจะพบเห็นต้นไม้หน้าตาอย่างรูปข้างล่างอยู่เต็มไป
หมด ได้ความจากน้องเทนว่าเคยมีผู้ว่าการเมืองคนหนึ่งเอามาปลูกไว้เนื่องจากมีความชอบเป็นพิเศษ ก็เลย
เห็นต้นไม้แบบนี้ได้ทั่วไปหมด

จริง ๆ Düsseldorf เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและน่าอยู่ เป็นเมืองที่มีสิ่งน่าสนใจเยอะ สะอาดเรียบร้อยและ
สวยงาม (แต่ไม่มีอะไรให้เที่ยว) เป็นเมืองที่เป็นมิตรต่อจักรยานที่สุดในเยอรมัน และอีกมากมาย (หาอ่าน
ได้ตามหนังสือท่องเที่ยวทั่วไป) เสียดายที่เราไม่ได้สนใจมากนัก เพราะเป้าหมายหลักของการมาที่นี่ก็คือ
มาเยี่ยมน้องเทน และเก็บภาพถ่ายกับความทรงจำที่ดีเท่านั้น

เช้าวันพรุ่งนี้เราจะต้องย้ายเมืองแล้ว มีเรื่องราวมากมายที่เราจะต้องเจอะเจอในการเดินทางผ่านสามประเทศ
ในหนึ่งวันในสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองหลวงของยุโรป Brussel นั่น
เอง

อ่านต่อตอนที่ 3

West Germany – Luxemburg – Belgium Trip – ตอนที่ 3

Written by tsvhh

เมษายน 26, 2008 ที่ 9:34 pm

เขียนใน เที่ยว

Tagged with , ,

5 Responses

Subscribe to comments with RSS.

  1. Wow…it’s really nice.

    lek

    เมษายน 30, 2008 at 10:39 pm

  2. สวัสดีค่ะ ขอเชิญคุณมาร่วมแบ่งปันความคิด สิ่งที่น่าสนใจ ผ่านบล็อก กับพื้นที่ที่ให้คุณมากสูงสุดถึง 3 กิ๊กกะไบท์
    พื้นที่ที่คุณสามารถแสดง เนื้อหา, รูปภาพ, อัลบั้มรูปภาพ, สไลด์โชว์, วีดีโอ, เสียง และหาเงินง่ายๆจากบล็อกด้วย Google Adsense กับเครื่องมือ widget ต่างๆ อีกมากมาย ใช้งานง่าย ปรับแต่งได้อิสระเหมือนโลกทั้งใบเป็นของคุณ. คลิกที่ชื่อได้เลยค่ะ.
    ขออภัยหาก Comment นี้รบกวนเวลาคุณ ขอบคุณค่ะ.

    bloggoo

    พฤษภาคม 1, 2008 at 10:12 am

  3. […] West Germany – Luxemburg – Belgium Trip – ตอนที่ 2 […]

  4. […] West Germany – Luxemburg – Belgium Trip – ตอนที่ 2 […]

  5. […] West Germany – Luxemburg – Belgium Trip – ตอนที่ 2 […]


ใส่ความเห็น